ราคาทั้งหมด
price | high | low | % | ||
---|---|---|---|---|---|
Dow Jones | 27903 | 28016 | 27872 | -0.44 % | |
S&P500 | 3135 | 3149 | 3131 | -0.35 % | |
Nasdaq 100 | 8358 | 8426 | 8346 | -0.51 % | |
Euro Stoxx 50 | 3666 | 3691 | 3665 | -0.77 % | |
FTSE 100 | 7232 | 7256 | 7214 | -0.02 % | |
CAC40 | 5824 | 5871 | 5824 | -0.94 % | |
DAX | 13076 | 13181 | 13076 | -0.77 % | |
Hong Kong HSI | 26421 | 26626 | 26409 | -0.49 % | |
Nikkei 225 | 23359 | 23544 | 23349 | -0.78 % |
ราคาตลาดหุ้นสด
- 15 min
- 1H
- 4H
- Daily
Dow Jones | 27903 | -0.44% |
---|---|---|
S&P500 | 3135 | -0.35% |
Nasdaq 100 | 8358 | -0.51% |
FTSE 100 | 7232 | -0.02% |
CAC40 | 5824 | -0.94% |
---|---|---|
Nikkei 225 | 23364 | -0.76% |
Euro Stoxx 50 | 3666 | -0.77% |
DAX | 13076 | -0.77% |
ข่าวล่าสุด
Neusoft Medical RSNA 2019 |
Skymind HUAWEI CLOUD MoU AI |
" " " |
Xinhua Silk Road: Fblife - 1 |
J&T Express HUAWEI CLOUD |
CIIE 3 |
คณะกรรมาธิการยุโรปอนุมัติให้ยา XOSPATA® ของบริษัท Astellas สามารถใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดไมอีลอยด์ที่กลับมาเป็นซ้ำหรือดื้อยา และตรวจพบการกลายพันธุ์เชื้อ FLT3 โดยใช้วิธีการทดสอบ LeukoStrat CDx FLT3 Mutation Assay ของ Invivoscribe |
Black Desert Mobile 9 2562 |
SpaceChain |
SA BIRTH 20.20 2020 |
Raffles Grand Hotel d'Angkor '1932' |
AntWorks AI ANTstein SQUARE |
Pertamina |
" " & Black Desert |
" " |
Xinhua Silk Road: - 1 |

ปักกิ่ง--9 ธ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
เนื่องในโอกาสที่ปี 2562 นี้ เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน หนังสือพิมพ์ Science and Technology Daily จึงถือโอกาสนี้สัมภาษณ์กลุ่มผู้นำในด้านวิทยาศาสตร์จากประเทศต่าง ๆ และทบทวนประวัติศาสตร์การพัฒนาของจีนในด้านวิทยาศาสตร์และความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ โดยผู้นำทั้งหลายต่างก็แสดงความหวังถึงอนาคตความร่วมมือที่สดใสกับจีน
การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำลังขับเคลื่อนการเติบโตของจีน
Kazuki Okimura ซึ่งเป็น principal fellow ของ JST ได้กล่าวถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของจีนในบทความของเขาว่า "จีนได้สร้างเครือข่ายการขนส่งที่พัฒนาไปเป็นอย่างมาก เช่น รถไฟความเร็วสูงและทางหลวงซึ่งระยะทางรวมนั้นมากกว่าในญี่ปุ่นถึงสิบเท่า นอกจากนี้ ยังมีสนามบินและท่าเรือเกิดใหม่ขึ้นทุกแห่งที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำและนวัตกรรมสุดไฮเทค เครือข่ายการสื่อสารและระบบกริดของจีนนั้นอยู่ในระดับท็อปของโลก จีนกำลังกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่และมีประสิทธิภาพที่สุดในประวัติศาสตร์โลก"
Wang Lin นักวิเคราะห์จาก Clarivate ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอธิบายความก้าวหน้าของงานวิจัยวิทยาศาสตร์พื้นฐานของจีนจากมุมมองของข้อมูลสิ่งพิมพ์ทั่วโลกไว้ว่า "นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 เป็นต้นมา จีนประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งในด้านสาขาวิชาต่าง ๆ มากมาย โดยจีนอยู่ในอันดับหนึ่งในโลกในด้านบทความงานวิจัยวัสดุศาสตร์ เป็นอันดับสองในด้านเกษตรศาสตร์ เคมี วิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกรรม สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ธรณีศาสตร์ คณิตศาสตร์ และฟิสิกส์ และในปี 2549 จีนก็ได้แซงหน้าสหราชอาณาจักรในด้านบทความงานวิจัยวิทยาศาสตร์ได้เป็นครั้งแรก ก้าวขึ้นเป็นอันดับสองของโลก เป็นรองเพียงสหรัฐเท่านั้น"
อย่างไรก็ตาม การมีส่วนร่วมของจีนต่อสังคมโลกผ่านทางบทความงานวิจัยนั้นเป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น แล้วสังคมวิทยาศาสตร์ทั่วโลกมองการพัฒนาของจีนและที่มาของแรงผลักดันเหล่านั้นอย่างไร?
Phil Coates ผู้อำนวยการ Polymer Interdisciplinary Research Center ของ University of Bradford และศาสตราจารย์ประจำ Royal Academy of Engineering ได้แบ่งปันมุมมองผ่านบทสัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของ Science and Technology Daily ว่า การสนับสนุนงานวิจัยวิทยาศาสตร์จากรัฐบาลจีนนั้นเป็นเรื่องปกติทั่วไปในปัจจุบัน
"รัฐบาลจีน ตั้งแต่ปักกิ่งจนถึงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ต่างให้ความสำคัญและสนับสนุนการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวิจัยสาขาวิชาพื้นฐาน" Ali Mohammad นักคณิตศาสตร์ชาวอิหร่านจาก Anhui University กล่าวเห็นด้วยกับศาสตราจารย์ Coates "เมื่อผมพูดกับนักคณิตศาสตร์จากทั่วโลก รวมถึงนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน พวกเขาต่างบอกว่า 'ถ้าคุณอยากทำวิจัยตอนนี้ ให้ไปที่จีน'"
"คาดหวังได้อย่างมาก" -- ความเห็นที่ทุกมหาวิทยาลัยมีร่วมกันต่ออนาคตความร่วมมือกับจีน (ซับไตเติลที่สอง)
Sir Paul Nurse นักชีววิทยาชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียง เจ้าของรางวัลโนเบล และนักวิชาการชาวต่างชาติของ Chinese Academy of Sciences ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วิทยาศาสตร์เป็นภาษาสากลของมนุษย์ ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างประเทศไม่เพียงแต่สำคัญต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่ยังเป็นวิธีที่สำคัญที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกด้วย
Vialatte Philippe หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของคณะผู้แทนจากสหภาพยุโรป (EU) ประจำประเทศจีนกล่าวว่า "จีนกำลังพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง" โดย Philippe ยังคาดว่าจะได้เห็นความร่วมมือระหว่างจีนกับยุโรปในด้านนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายใต้กรอบการทำงาน "Horizon Europe" มากขึ้นอีกในอนาคต
"จีนและฝรั่งเศสนั้นเปิดกว้างและเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมในอุตสาหกรรมเภสัชกรรม" Alain Mérieux ประธานของมูลนิธิ Fondation Mérieux กล่าว "มันเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่ประเทศต่าง ๆ จะปิดกั้นการแลกเปลี่ยนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วยเหตุผลทางด้านการเมือง ฝรั่งเศสมีบทบาทสำคัญในด้านการแลกเปลี่ยนกับจีน (ในหมู่ชาติตะวันตก) มาโดยตลอด ทั้งสองประเทศจะเดินหน้าเสริมความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายต่อไปในหลายส่วนสำคัญ เช่น พลังงานนิวเคลียร์พลเรือน ชีววิทยา และอื่น ๆ"
"ความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายระหว่างยูเครนกับจีนในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้นเป็นประโยชน์กับทั้งโลก" Stanislav Prokopchuk ผู้สื่อข่าวจาก Uryadovy Kuryer กล่าวพร้อมเสริมว่า "ยูเครนกับจีนมีศักยภาพความร่วมมือที่ลึกซึ้งในด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานและเทคโนโลยีประยุกต์ เรากำลังตั้งตารอความร่วมมือในการสร้างศูนย์วิจัยและนวัตกรรมในอนาคตด้วยความคาดหวังอย่างสูง"
Aleksandar Titkov ประธานกลุ่มโครงการวิทยาศาสตร์และการศึกษาของ Sputnik News Agency and Radio แสดงความเห็นว่า โครงการความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นระหว่างสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในสองประเทศจะช่วยสร้างผลประโยชน์ร่วมกันและเป็นผลดีกับทั้งสองฝ่ายมากกว่าเดิม ขณะที่ Moris Topaz ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ชาวอิสราเอลผู้มีชื่อเสียงและผู้ได้รับรางวัล "China Friendship Award" กล่าวว่า "การแพทย์นั้นเป็นเอกลักษณ์ในความหลากหลายของตัวเอง ซึ่งมีศักยภาพสูงสำหรับความร่วมมือระหว่างจีนกับอิสราเอล"
SOURCE Science and Technology Daily


เฉิงตู จีน, 6 ธ.ค. 2562 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- นครเฉิงตูในมณฑลเสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นบ้านของแพนด้ายักษ์ อีกทั้งเป็นเมืองที่มีไลฟ์สไตล์ผ่อนคลาย ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างหลงใหลในมนต์เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของนครเฉิงตูเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 200 คน ซึ่งรวมถึงอินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดีย และตัวแทนขององค์กรการท่องเที่ยวจากทั่วโลก ได้รับเชิญให้เดินทางไปยังเฉิงตูเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม "Global Travel Merchant Gathering in Chengdu" ที่จัดโดยสำนักงานวัฒนธรรม วิทยุและโทรทัศน์ และการเผยแพร่ของนครเฉิงตู
ผู้เข้าร่วมงานได้เป็นสักขีพยานในการก่อตั้งองค์กรพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว Chengdu Inbound Tourism Strategic Partnership Alliance และการเปิดตัวเทศกาลแพนด้าออนไลน์นานาชาติครั้งที่ 1 นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานส่วนหนึ่งยังได้รับเชิญให้ไปสัมผัสเส้นทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของเฉิงตู ซึ่งเชื่อมต่อจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงในเมือง
Baptiste Cassagnolle อินฟลูเอนเซอร์วัย 18 ปี จากมงต์เปลิเยร์ ฝรั่งเศส กล่าวว่า "เฉิงตูเป็นเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจและเปี่ยมด้วยวัฒนธรรม ผมมีความสุขและตื่นเต้นที่ได้มาที่นี่"
Cassagnolle แสดงความสนใจอย่างมากในวัฒนธรรมที่รุ่มรวยและเป็นเอกลักษณ์ของเฉิงตู เขาถ่ายรูปและวิดีโอมากมายเพื่อแบ่งปันกับผู้ติดตามของเขาบน TikTok และ Instagram
ในฐานะที่ได้รับเลือกเป็นทูตส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกของเฉิงตู เขาจะใช้ประโยชน์จากความมีอิทธิพลในโซเชียลมีเดีย เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเฉิงตู
เขากล่าวเสริมว่า "หลังจากกลับไปที่ฝรั่งเศส ผมจะบอกเล่าทริปนี้กับครอบครัวและเพื่อน ๆ และพาพวกเขามาที่เฉิงตูในอนาคต"
ขณะที่ Kuroki Shinji ทูตการท่องเที่ยวอีกรายหนึ่งจากญี่ปุ่น กล่าวว่า "อาหารท้องถิ่นที่นี่ดีกว่าอาหารญี่ปุ่นเสียอีก"
นอกจากนี้ เขายังสนุกกับไลฟ์สไตล์ที่ผ่อนคลาย และบอกว่าจะกลับมาที่เฉิงตูอีกครั้งแน่นอน
ขณะเดียวกัน Murtaza Kalender ตัวแทนการท่องเที่ยวตุรกีที่มาเฉิงตูเป็นครั้งแรก กล่าวว่า "เฉิงตูสร้างความประทับใจให้ผมและเพื่อนร่วมงานของผมเป็นอย่างมาก เมืองนี้สะอาด ปลอดภัย และผู้คนอัธยาศัยดี"
นอกจากนั้น Kalender ยังชื่นชมผู้คนในเฉิงตู โดยกล่าวว่า "ผู้คนที่นี่เป็นคนสบาย ๆ และอัธยาศัยดีมาก เราทุกคนรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน"
บริษัทของ Kalender มีแผนที่จะนำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 50,000 คนมายังประเทศจีนภายใน 3-4 ปี และเมืองเฉิงตูจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทาง
Liu Huiyuan ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการท่องเที่ยวขาเข้า บริษัท China Travel Group Service กล่าวว่า "ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนจะต้องเป็นจุดสำคัญของการท่องเที่ยวขาเข้าของจีนในอนาคตอย่างแน่นอน"
ทั้งนี้ เฉิงตูตั้งอยู่ใจกลางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยเชื่อมต่อยูนนาน กุ้ยโจว และทิเบต ซึ่งทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่งดงามและขนบธรรมเนียมทางชาติพันธุ์ในพื้นที่นี้มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างมาก
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191205/2661972-1
SOURCE Chengdu Culture, Radio and TV, Press and Publication Bureau


Neusoft Medical RSNA 2019
ชิคาโก--6 ธ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
Neusoft Medical นำสินค้ามาร่วมจัดแสดงในงานประชุมประจำปีของสมาคมรังสีวิทยาแห่งอเมริกาเหนือ หรือ RSNA 2019 เป็นปีที่ 20 ชูโรงด้วยโซลูชันการถ่ายภาพเพื่อการวินิจฉัยโรคของ Neusoft Medical ซึ่งจะมอบมูลค่าสูงสุดให้กับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพเพื่อการดูแลผู้ป่วยที่ดีขึ้น ในขณะที่ Neusoft Medical ได้เดินหน้ามองหานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความท้าทายด้านรังสีวิทยาในปัจจุบันและอนาคตอยู่เสมอ ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ถูกนำมาเปิดตัวในงาน RSNA 2019 นี้จะมาแสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Neusoft ในระดับที่ "เหนือกว่าแค่ถ่ายภาพ"
Neusoft Medical Systems รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เปิดตัว NeuViz Epoch* ซึ่งเป็นเครื่อง CT สแกนแบบ 512 สไลซ์ ผสมผสานกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ("AI") ที่ทันสมัย โดยมีอัลกอริทึม "AI" ซึ่งถูกพัฒนามาเฉพาะช่วยระบุตำแหน่งทางกายวิภาคเพื่อให้การสแกนเป็นไปได้อย่างแม่นยำ พร้อมปรับการทดสอบให้เหมาะสมตามลักษณะกายวิภาคของผู้ป่วยแต่ละคน และเมื่อนำมาผสานรวมเข้ากับซอฟต์แวร์ Iterative Reconstruction ("IR") ตลอดจนการสแกน 60kV เพื่อลดปริมาณยาที่ผู้ป่วยได้รับแล้ว ยังมอบผลลัพธ์ซึ่งสอดคล้องกับผลการทดสอบทางคลินิกด้วย เครื่องตรวจจับที่ได้รับการออกแบบมาใหม่ขนาด 16 ซม.นี้ ครอบคลุมการใช้งานกับทั้งระบบหัวใจ โดยลดความจำเป็นในการเคลื่อนย้ายโต๊ะ เครื่องรุ่นนี้มาพร้อมความสามารถในการสแกนหัวใจจากการเต้นเพียงหนึ่งครั้ง โดยใช้การหมุน 0.259s ที่เร็วเป็นพิเศษพร้อมด้วยความละเอียดชั่วขณะที่ 25ms ในขณะเดียวกันก็สามารถตรวจวัดปริมาณเลือดที่ไหลผ่านสมองและร่างกายทั้งระบบกายวิภาค เพื่อให้มั่นใจถึงความครอบคลุม ทั้งยังมีเทคโนโลยีการสลับโต๊ะที่เข้ามาช่วยรับมือกับการทดสอบที่ท้าทายที่สุด
คุณสมบัติที่มาจากขุมพลังของ AIM ส่งผลให้ NeuMR 1.5T* ส่งมอบภาพที่ทนทานและประณีต โดยอิงจากแนวทางการทำงานสำหรับการผ่าตัดที่ง่ายและการถ่ายภาพที่รวดเร็ว ในขณะที่ BrainQuant ก็มาพร้อมความสามารถในการส่งมอบ 3D multi-contracts และภาพถ่ายเชิงปริมาณของสมองทั้งหมด ด้วยขดลวดที่ลาดชันอย่าง ARM เพื่อมอบคุณภาพของภาพที่สม่ำเสมอ
NeuAngio 30C* เป็นอุปกรณ์บันทึกภาพหลอดเลือดด้วยรังสีตัวแรกของโลกที่ใช้วิธียึดติดกับเพดานด้วยแกน 7 แกนอันเป็นเอกลักษณ์แทนระบบรางแบบเดิม ด้วยการดีไซน์การออกแบบให้มีลักษณะเหมือนหุ่นยนต์เพื่อมอบพื้นที่ในการตรวจจับและความยืดหยุ่นที่มากยิ่งขึ้น ครอบคลุมการตรวจสอบผู้ป่วยได้ในระยะ 2.3m พร้อมมอบภาพความละเอียดระดับ 2k ได้ในแบบเรียลไทม์ ส่งผลให้ NeuAngio 30C* สามารถส่งมอบภาพที่มีคุณภาพดีกว่าโดยใช้ปริมาณรังสีเอ็กซ์น้อยลง
NeuWise PET/CT* มีความสามารถในการสร้างภาพอัจฉริยะแบบพาโนรามา 360 องศาด้วย Intelligent Breath ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวรับข้อมูลการปฏิสัมพันธ์แบบอัตโนมัติพร้อมปรับกระบวนการเก็บรวบรวมให้เหมาะสม และแก้ไขการเคลื่อนไหวระบบการหายใจจำลอง ซึ่งถูกผสานรวมกับเทคโนโลยี Intelligent QC ที่ไม่มีแหล่งกัมมันตภาพรังสี ไม่มีการปลดปล่อยรังสี และสามารถปรับให้เหมาะสมได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อมอบการดูแลผู้ป่วยที่ดีกว่าเดิม
MDaaS* มุ่งเน้นการใช้งานเทคโนโลยี AI, คลาวด์การแพทย์ และโซลูชันทางคลินิก เพื่อส่งมอบโซลูชันการถ่ายภาพการแพทย์ที่ครอบคลุม
Neusoft Medical เป็นผู้ให้บริการการวินิจฉัยทางคลินิกและโซลูชันการรักษาระดับโลก ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในจีน และสาขาในสหรัฐ ดูไบ เปรู รัสเซีย บราซิล เคนยา เวียดนาม และเยอรมนี Neusoft Medical Systems มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมที่มีมูลค่ายอดเยี่ยมในการให้บริการด้านสุขภาพทั่วโลก ด้วยนวัตกรรมและการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม Neusoft Medical Systems กำลังผลักดันผลิตภัณฑ์การดูแลสุขภาพผ่านโซลูชันการแพทย์ที่หลากหลายและบริการเพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพทั่วโลกให้กับทุกคน
*ไม่มีวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191204/2659835-1
SOURCE Neusoft Medical


Skymind HUAWEI CLOUD MoU AI
กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย, 6 ธ.ค. 2562 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- Skymind AI Berhad บริษัทย่อยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Skymind และ Huawei Technologies (M) Sdn Bhd บริษัท ICT ชั้นนำระดับโลก ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อพัฒนาศูนย์นวัตกรรมคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มุ่งยกระดับการพัฒนานวัตกรรมและผู้ที่มีความสามารถในอาเซียน โดยจะเริ่มต้นจากมาเลเซียและอินโดนีเซียเป็นที่แรก
Shawn Tan ซีอีโอของ Skymind AI Limited และ Lim Chee Siong รองประธาน Huawei Cloud South Pacific Region ได้ร่วมกันลงนามใน MoU ฉบับนี้ โดยข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นการร่วมมือระหว่างสองบริษัทในการพัฒนาระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาผู้ที่มีความสามารถในอาเซียน พร้อมยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ Skymind และ HUAWEI CLOUD ยังจะร่วมกันพัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมด้าน AI เพื่อสนับสนุนศูนย์รวมคนเก่ง ด้วยการยกระดับขีดความสามารถทาง ICT
ในโอกาสนี้ Shawn กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้สร้างความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระหว่าง Skymind และหัวเว่ย ความเชี่ยวชาญและความสามารถทางเทคนิกของทั้งสองบริษัทจะเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการผลักดันให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรม AI นอกจากนี้ ยังถือเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับ Skymind ในขณะที่เราเดินหน้าขยายธุรกิจในระดับโลก เรากำลังอยู่ในระหว่างการลงหลักปักฐานในภูมิภาคนี้ และข้อตกลงนี้ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในขณะที่เราเดินหน้าสร้างชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในเอเชีย"
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ทั้งสองบริษัทจะตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อพัฒนานวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ ด้วยการมอบความเชี่ยวชาญทั้งทางเทคนิคและปฏิบัติ โดยจะเริ่มต้นจากอินโดนีเซีย และใน 3 รัฐของมาเลเซีย ได้แก่ ปีนัง เกดะห์ และยะโฮร์
Lim Chee Siong รองประธาน Huawei Cloud South Pacific Region กล่าวว่า "HUAWEI CLOUD ได้มอบแพลตฟอร์มประมวลผลที่ทรงพลัง และแพลตฟอร์มการพัฒนาที่ใช้งานง่าย เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ด้าน AI ของหัวเว่ยอย่างรอบด้านแบบ full-stack ด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ เราเล็งเห็นว่าในอนาคต Huawei Cloud และ AI จะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยยกระดับระบบนิเวศของนักพัฒนา AI และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างนักพัฒนา พาร์ทเนอร์ มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัย ภายใต้เป้าหมายในการทำให้ AI มีความครอบคลุมทั่วถึงมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากนี้ Huawei Cloud และ AI รวมถึงเทคโนโลยี 5G จะเปิดประตูสู่อนาคตที่ระบบอัจฉริยะและคอมพิวติ้งมีอยู่ทุกหนแห่ง ซึ่งจะมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีที่สุดในขณะที่โลกดิจิทัลกำลังเติบโตขึ้น ก่อนที่คลื่นของดิจิทัลในปัจจุบันจะเข้ามาพลิกโฉมโลกดิจิทัลของมาเลเซีย"
เกี่ยวกับ Skymind AI Berhad
Skymind เป็นบริษัท AI ระดับองค์กรที่มอบแพลตฟอร์มแมชชีนเลิร์นนิงแบบเปิด การสนับสนนุนเชิงพาณิชย์ และการฝึกอบรมด้านการใช้โซลูชัน AI ที่ทันสมัย ทั้งนี้ Skymind มีสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก และได้ให้บริการแก่บริษัทในกลุ่ม Fortune 500 หลายแห่งที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Skymind เพื่อเปลี่ยน big data stacks ให้เป็น AI stacks ทั้งนี้ Eclipse Deeplearning4j ของ Skymind ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มงานด้าน AI สำหรับ Java และ Scala อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมชุมชนวิทยาศาสตร์ข้อมูล Python เข้ากับเครื่องมือด้านบิ๊กดาต้าอย่าง Spark และ Kafka
เกี่ยวกับ HUAWEI CLOUD
HUAWEI CLOUD คือธุรกิจบริการคลาวด์ของหัวเว่ย ซึ่งมาพร้อมกับความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันโครงสร้างพื้นฐาน ICT ที่หัวเว่ยสั่งสมมานานกว่า 30 ปี เพื่อให้ลูกค้าสามารถสร้างสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย แบรนด์มุ่งมั่นที่จะให้บริการคลาวด์ที่มั่นคง ปลอดภัย เชื่อถือได้ และยั่งยืน เพื่อช่วยให้องค์กรทุกขนาดเติบโตได้ในโลกอัจฉริยะ และนอกเหนือจากบริการที่น่าประทับใจอยู่แล้ว HUAWEI CLOUD ยังดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ Inclusive AI เพื่อช่วยให้ทุกคนเข้าถึงขีดความสามารถด้าน AI ในราคาที่จับต้องได้ มีประสิทธิภาพ และเชื่อถือได้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าชม Huawei Cloud ได้ทางออนไลน์ที่:
https://intl.huaweicloud.com/en-us/
SOURCE HUAWEI CLOUD


" " "
ซีแอตเทิล--5 ธ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ซู เดสมอนด์-เฮลล์มานน์ ซีอีโอมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ เตรียมก้าวลงจากตำแหน่ง หลังจากปฎิบัติหน้าที่มาเป็นเวลากว่า 5 ปี บิลและเมลินดา เกตส์ ประกาศแต่งตั้งมาร์ค ซัซแมน ประธานฝ่ายนโยบายและการส่งเสริมระดับโลก และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของมูลนิธิ ขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ โดยมาร์ค ซัซแมน ได้เข้ามาร่วมงานกับทางมูลนิธิเมื่อปี 2550 และจะเข้ารับตำแหน่งใหม่นี้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563
เดสมอนด์-เฮลล์มานน์ ตัดสินใจก้าวออกจากการทำงานเต็มเวลา เนื่องจากเธอไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตำแหน่งอย่างเพียงพอ ในขณะเดียวกับที่ต้องดูแลสุขภาพของตัวเองและความต้องการของครอบครัว
"แน่นอนว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในอาชีพของฉัน" เดสมอนด์-เฮลล์มานน์ กล่าว "แต่ฉันรู้สึกว่าฉันไม่สามารถเป็นซีอีโอที่มูลนิธิต้องการและสมควรได้รับในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้"
บิลและเมลินดา เกตส์ ต่างยกย่องความเป็นผู้นำของเดสมอนด์-เฮลล์มานน์ และแสดงความขอบคุณสำหรับการทำหน้าที่นำทางมูลนิธิจนเข้าสู่ปีที่ 20
"ซูนำคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมมาใช้กับมูลนิธิ ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ ทักษะความเป็นผู้นำที่ผ่านการทดสอบ ความหลงใหลในการสร้างวัฒนธรรมภายในที่แข็งแกร่ง และเหนือสิ่งอื่นใด การอุทิศตนเพื่อภารกิจในการทำให้โลกมีสุขภาพที่ดี และมีความเสมอภาคยิ่งขึ้น" เมลินดา เกตส์ กล่าว "ไม่ว่าจะตอนที่เรานั่งอยู่ที่ห้องประชุมในซีแอตเทิล หรือใช้เวลากับเกษตรกรทางภาคใต้ของแอฟริกา ฉันรู้สึกขอบคุณเสมอสำหรับมุมมองและการเป็นพันธมิตรของเธอ มูลนิธิของเราไปได้ดีนับตั้งแต่ที่ซูได้เดินเข้ามาเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา และขออวยพรให้ซูประสบความสำเร็จในทุก ๆ เรื่อง"
"เมื่อซูตัดสินใจลาออก เรารู้สึกโชคดีที่เราได้พันธมิตรที่ได้รับการพิสูจน์และเชื่อถือได้อย่างมาร์ค พร้อมที่จะดำรงตำแหน่งนี้ต่อไป ความรู้ของมาร์คเกี่ยวกับนโยบายภายนอกและสภาพแวดล้อมด้านการส่งเสริม ความเข้าใจเชิงลึกของเขาต่อลำดับความสำคัญของโครงการเรา ตลอดจนความมุ่งมั่่นในการแก้ปัญหาความไม่เสมอภาค เป็นเพียงสาเหตุบางประการที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นว่าเขาจะเป็นซีอีโอคนต่อไปของมูลนิธิ หลังจากทำงานใกล้ชิดกับมาร์คมานานกว่าทศวรรษ เราทราบดีว่าเขามีความสำคัญต่อทางมูลนิธิเช่นไร และฉันรอดูความสำเร็จของเขาในอีกหลายปีข้างหน้า"
เดสมอนด์-เฮลล์มานน์ เข้าร่วมกับมูลนิธิในปี 2557 หลังจากดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก (UCSF) ด้วยฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยา เธอเข้ารักษาและวิจัยโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับโรคเอดส์ในซานฟรานซิสโกและยูกันดาในช่วงปี 2523 และต้นปี 2533 และเป็นผู้นำการพัฒนายา Herceptin หรือยารักษามะเร็งเต้านมตัวแรกที่เจาะจงตามยีนส์ ขณะดำรงตำแหน่งประธานของ Genentech ในระหว่างการดำรงตำแหน่งในมูลนิธิ เดสมอนด์-เฮลล์มาน เป็นผู้ดูแลการสร้างสถาบันวิจัยการแพทย์เกตส์ ซึ่งเป็นองค์กรเทคโนโลยีชีวภาพแห่งแรกของโลกที่ไม่แสวงหาผลกำไร รวมถึงการเปิดตัวกลยุทธ์การลงทุน Economic Mobility and Opportunity ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ เธอยังเป็นประธานร่วมคณะกรรมธิการ Post-Secondary Value Commission เพื่อคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนของวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่มีรายได้น้อย จุดเด่นจากการดำรงตำแหน่งของเธอคือการมุ่งเน้นความสำคัญของการจัดการและการวางแผนสืบทอดตำแหน่ง เธอเสริมสร้างอำนาจ ความรับผิดชอบ และแนวทางการตัดสินใจของทีมผู้นำของมูลนิธิ และมุ่งเน้นการพัฒนาวัฒนธรรม ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และความทั่วถึง
"ความมุ่งมั่นของซูด้านนวัตกรรมและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่มูลนิธิ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของมรดกของเธอ" บิล เกตส์ กล่าว "ความเป็นผู้นำที่แสนวิเศษของเธอช่วง 5 ปีครึ่งที่ผ่านมา มีทั้งการเปิดตัวสถาบันวิจัยทางการแพทย์เกตส์ ตลอดจนการขยายงานของเราเพื่อสำรวจความยากจนและการไต่เต้าฐานะทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา และความสำเร็จอื่น ๆ ผมอยากจะขอบคุณเธอเป็นการส่วนตัวสำหรับการอุทิศตน และขออวยพรให้ซูประสบความสำเร็จในทุก ๆ เรื่อง เมื่อเธอก้าวลงจากตำแหน่งเพื่อดูแลสุขภาพและครอบครัว"
"การกล่าวคำอำลาแก่ซูเป็นเรื่องยาก และเราดีใจอย่างยิ่งที่ได้มาร์ค ซัซแมน ขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอของมูลนิธิ ตลอดกว่า 12 ปีที่ผ่านมา มาร์คเป็นที่ปรึกษาที่ไว้วางใจได้สำหรับโครงการและพันธมิตรของเรา ในขณะที่มูลนิธิของเราก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 2 ของการทำงานด้านสุขภาพและการศึกษาระดับโลก ผมไม่สามารถมองโลกในแง่ดีไปกว่านี้ได้เกี่ยวกับโอกาสในการพัฒนาชีวิตสำหรับคนที่ยากจนที่สุดในโลก ผมรอคอยที่จะได้ร่วมมือกับมาร์คในการทำงานในวันข้างหน้า"
มาร์ค ซัซแมน เป็นชาวแอฟริกาใต้ เขาเข้าร่วมงานกับมูลนิธิเมื่อปี 2550 ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการพัฒนาและการส่งเสริมระดับโลก และก้าวขึ้นเป็นประธานด้านนโยบายและการส่งเสริมระดับโลกเมื่อปี 2555 เขารับตำแหน่งเพิ่มเติมในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์คนแรกของมูลนิธิในปี 2559 ในฐานะประธาน เขาช่วยสร้างและดำเนินการวางรากฐานของมูลนิธิไปทั่วโลกทั้งในยุโรป แอฟริกา อินเดีย และจีน รวมถึงดูแลความสัมพันธ์กับรัฐบาล พันธมิตรด้านการกุศล และการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก และในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ เขาได้รุกปรับปรุงแนวทางของมูลนิธิสำหรับการพัฒนาและวัดลำดับความสำคัญด้านกลยุทธ์
ก่อนที่จะเข้าร่วมงานกับทางมูลนิธิ ซัซแมนเคยดำรงหลายตำแหน่งในสหประชาชาติ รวมถึงที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ประจำสำนักงานของเลขาธิการสหประชาชาติ โคฟี อันนัน และผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ก่อนหน้านั้นเขาเคยเป็นผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ ณ เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ลอนดอน และวอชิงตันดีซี เขาได้รับทุน Rhodes Scholarship อันทรงเกียรติและจบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด
"นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำมูลนิธิเกตส์" ซัซแมน กล่าว "ผมรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งที่บิลและเมลินดาเชื่อมั่นในตัวผม และขอขอบคุณซูสำหรับความทุ่มเทในการเป็นผู้นำและการเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่แข็งแกร่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เมื่อเรามองไปข้างหน้า ผมน้อมรับและตื่นเต้นกับโอกาสในการพัฒนาภารกิจที่สำคัญของเรา เพื่อช่วยให้มั่นใจว่าทุกคนในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกจะมีโอกาสที่จะมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและมีประสิทธิผล"
ทั้งนี้ เดสมอนด์-เฮลล์มานน์ เป็นซีอีโอคนที่ 3 ของมูลนิธิ ถัดจากเจฟฟ์ ไรคส์ และแพตตี้ สโตนสิเฟอร์
เกี่ยวกับมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์
มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) มีความเชื่อว่าทุกชีวิตมีคุณค่าเท่ากัน โดยดำเนินงานเพื่อช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีชีวิตที่สมบูรณ์ สำหรับในประเทศกำลังพัฒนา ทางมูลนิธิจะเน้นเรื่องการยกระดับสุขอนามัยของประชาชน รวมถึงมอบโอกาสในการหลุดพ้นจากความยากไร้และความอดอยาก สำหรับในสหรัฐอเมริกา ทางมูลนิธิดำเนินงานเพื่อรับรองว่าประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีต้นทุนชีวิตต่ำ จะได้มีโอกาสประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษาและการใช้ชีวิต ทั้งนี้ มูลนิธิตั้งอยู่ในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน และบริหารงานโดยซีอีโอ ซู เดสมอนด์-เฮลมานน์ และประธานร่วม วิลเลียม เอช. เกตส์ ซีเนียร์ ภายใต้การดูแลของบิลและเมลินดา เกตส์ และวอร์เรน บัฟเฟตต์
Bill & Melinda Gates Foundation
โทร: 206-709-3400
อีเมล: media@gatesfoundation.org
SOURCE Bill & Melinda Gates Foundation


Xinhua Silk Road: Fblife - 1
ปักกิ่ง, 6 ธ.ค. 2562 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- Fblife แพลตฟอร์มสมาคมชั้นนำของจีนสำหรับคนรักรถยนต์ SUV และรถออฟโรด จัดการแข่งขันแรลลี่จีน-ไทย หรือ China-Thailand Rally Racing (CTRR) ครั้งที่ 1 ซึ่งเปิดฉากขึ้นที่เมืองซิงอี้ เมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติปู้อีและแม้วเฉียนซีหนาน ในมณฑลกุ้ยโจว ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
นายจาง ไต๋ ประธาน Sinocloud Centre Company และ Fblife.com ในปักกิ่ง กล่าวว่า การแข่งขัน CTRR ครั้งแรกออกสตาร์ทในเมืองซิงอี้ เนื่องจากซิงอี้มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขา ซึ่งเหมาะสำหรับกีฬากลางแจ้งเป็นอย่างมาก อีกทั้งมีเป้าหมายเพื่อผสานรวมทรัพยากรที่ยอดเยี่ยมดังกล่าวเข้ากับวัฒนธรรมเชิดชูวีรบุรุษของ Fblife งานนี้ถือเป็นอีเวนต์ล่าสุดสำหรับ Fblife ในการส่งผ่านความมุ่งมั่นเพื่อการกินดีอยู่ดีของประชาชนและการปกป้องสิ่งแวดล้อม
นายจางกล่าวในพิธีปล่อยขบวนรถแรลลี่ CTRR ว่า Fblife ประกอบด้วยสมาชิกผู้รักธรรมชาติและกีฬากลางแจ้ง มีความกระตือรือร้นที่จะสนับสนุนสวัสดิการสาธารณะ และมีส่วนร่วมในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการบรรเทาภัยพิบัติ ซึ่งสมาชิกเหล่านี้ได้ขยายจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"สมาชิก Fblife กำลังส่งต่อพลังแห่งชีวิต พร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมเชิดชูวีรบุรุษและการใส่ใจสุขภาพ ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า" นายจางกล่าว
นอกจากนั้น นายจางเผยด้วยว่า Fblife ได้จัดตั้งทีมกู้ภัยของ Fblife ขึ้นหลายทีม ทุกครั้งที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้นในจีน เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมืองเหวินฉวน
ขณะเดียวกัน Fblife ได้ร่วมกับมูลนิธิ Beijing Ci'ai Charity Foundation (CACF) ก่อตั้งกองทุนสาธารณะในเดือนกันยายน 2557 ซึ่งให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการการกุศลมากมาย รวมถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การศึกษา การบรรเทาภัยพิบัติ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมหลากหลายรูปแบบ
การแข่งขัน CTRR ดึงดูดรถยนต์มากกว่า 50 ทีมจากกว่า 20 มณฑลและเมืองทั่วประเทศ ซึ่งเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากเมืองซิงอี้ ผ่านด่านบ่อหานของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาในมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และผ่านสปป.ลาวในวันที่ 3 ธันวาคม จากนั้นจะเดินทางต่อจากเขตภูเขาในภาคเหนือของประเทศไทยไปยังเมืองชายฝั่งทะเลภาคใต้ รวมเป็นเส้นทางประมาณ 3,000 กิโลเมตร และใช้เวลาทั้งสิ้น 14 วัน
นายจางกล่าวว่า CTRR ได้เปิดบทใหม่แห่งการพัฒนากีฬาแรลลีข้ามประเทศในกุ้ยโจว พร้อมแสดงความหวังว่า การแข่งขันแรลลี่ข้ามประเทศจะขยายออกจากจีนไปยังอาเซียน แอฟริกา และยุโรปต่อไป
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ https://en.imsilkroad.com/p/309712.html
SOURCE Xinhua Silk Road Information Service


J&T Express HUAWEI CLOUD
บริการ HUAWEI CLOUD ช่วยให้ J&T Express สามารถปรับปรุงสถาปัตยกรรมไอทีข้ามพรมแดนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
จาการ์ตา อินโดนีเซีย, 6 ธ.ค. 2562 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- ด้วยจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของโลก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงเป็นตลาดที่กำลังรุ่งสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยทั่วทั้งภูมิภาคมีประชากรที่ช็อปปิงออนไลน์แล้วหลายร้อยล้านคน[1] รายงานคาดการณ์ล่าสุดบ่งชี้ว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโตในอัตราเลขสองหลัก ซึ่งขับเคลื่อนโดยผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น การมีความเข้าใจเกี่ยวกับการช็อปปิงออนไลน์ดีขึ้น และอำนาจการจับจ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น[2] โดยบริษัทหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตในธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคนี้ก็คือ J&T Express
บริการลูกค้าที่เหนือระดับ
ด้วยความมุ่งมั่นที่มีต่อลูกค้าและการใช้เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม J&T Express จึงเป็นบริษัทจัดส่งสินค้าด่วนที่เติบโตสู่จุดสูงสุดของอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 4 ปี แต่การจะยืดหยัดเป็นอันดับหนึ่งได้นั้น J&T Express ทราบดีว่าจะต้องเดินหน้ายกระดับบริการให้เหนือคู่แข่งอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทจึงใช้ประโยชน์จากบริการคลาวด์ของหัวเว่ย เพื่อยกระดับสถาปัตยกรรมไอทีข้ามประเทศและให้บริการลูกค้าบนระบบคลาวด์
J&T Express ตระหนักว่า เพื่อที่จะก้าวข้ามปัญหาเหล่านี้ให้เร็วขึ้น และให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุด บริษัทจำเป็นต้องหาพันธมิตรที่สามารถช่วยขับเคลื่อนบริษัทให้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ การทำงานกับ HUAWEI CLOUD ช่วยให้ J&T Express ทำเช่นนั้นได้ ด้วยการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานและบริการลูกค้าอย่างมีนัยสำคัญ
มุ่งเน้นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเป็นสำคัญ เพื่อยกระดับประสบการณ์และความภักดีของลูกค้า
บริการ HUAWEI CLOUD ช่วยให้ J&T Express ปรับปรุงสถาปัตยกรรมไอทีข้ามพรมแดนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้เกิดชุดบริการมากมาย และสามารถรุกขยายตลาดได้เร็วขึ้น โดยหัวเว่ยให้บริการอย่างมืออาชีพและมีประสิทธิภาพ ด้วยการสนับสนุนก่อนการขาย และพร้อมช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ J&T Express อยู่เสมอ ระบบของ J&T Express ใช้งานบน HUAWEI CLOUD ในสิงคโปร์ แต่สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ทั่วโลก ซึ่งในประเทศที่มีบริการหนาแน่นมากนั้น บริการ HUAWEI CLOUD Connect จะเป็นประโยชน์เพื่อรับประกันการเข้าถึงในช่วงชั่วโมงที่มีการใช้งานสูง
"J&T Express คือบริษัทขนส่งด่วนระดับชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เครือข่ายของบริษัทครอบคลุม 7 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ J&T Express ยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง ขณะที่ HUAWEI CLOUD ซึ่งเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำระดับโลก มีผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นสำหรับองค์กรทั่วโลก ซึ่งจากการทำงานกับ HUAWEI CLOUD ทำให้ J&T Express ได้รับโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่มั่นคงและเชื่อถือได้ รวมทั้งบริการบิ๊กดาต้า นอกจากนี้ เรายังชื่นชมบริการของหัวเว่ยที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง บริการและการสนับสนุนที่ตรงตามความต้องการของตลาดท้องถิ่น ถูกเวลา และน่าเชื่อถือ เป็นหนึ่งในหลายเหตุผลหลักที่ว่าทำไมเราจึงเลือก HUAWEI CLOUD" Gao Zhiqiang ซีอีโอของ J&T Express กล่าว
HUAWEI CLOUD มอบประโยชน์มากมายแก่ลูกค้า ซึ่งกุญแจสำคัญที่มีต่อ J&T Express ก็คือการยกระดับการบริหารจัดการไอทีข้ามประเทศ โดยการให้บริการบนคลาวด์ของหัวเว่ยช่วยให้เกิดระบบที่มีประสิทธิภาพและจัดการได้ดียิ่งขึ้นซึ่งครอบคลุม 7 ประเทศที่ J&T Express ดำเนินงาน สถาปัตยกรรมนี้ได้รับการพัฒนาให้สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น จากที่เคยใช้เวลา 2 เดือน จนสามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน
ประโยชน์อีกประการคือ การลดฮาร์ดแวร์และการดำเนินงาน รวมถึงต้นทุนในการบำรงรักษา โดยก่อนหน้าที่จะร่วมมือกับหัวเว่ยนั้น J&T Express เคยวางเซิร์ฟเวอร์ในแต่ละตลาดทั้ง 7 ตลาด แต่ปัจจุบันเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยเครื่องเสมือนจริงที่ดำเนินงานจากศูนย์กลาง ซึ่งช่วยลดทั้งเงินลงทุนและต้นทุนดำเนินงาน
การสนับสนุนทางเทคนิคเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญสำหรับความสำเร็จของ J&T Express โดย HUAWEI CLOUD ให้การสนับสนุนในระดับนานาชาติและระดับท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงการตอบสนองต่อปัญหาฉุกเฉิน โดย J&T Express สามารถอาศัยประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมและศักยภาพด้านบริการผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย ซึ่งเปิดทางสู่การวางแผนธุรกิจที่แข็งแกร่งและส่งเสริมการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ J&T Express ต่อไป
อนาคตที่สดใสในคลาวด์
J&T Express มุ่งมั่นพัฒนาความรวดเร็วและคุณภาพบริการขนส่งสินค้าด่วนแก่ผู้บริโภค ด้วยการใช้ระบบบริหารจัดการไอทีที่ล้ำสมัยอย่างต่อเนื่อง บริษัทให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกค้าให้เติบโตในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ผ่านบริการจัดส่งที่เชื่อถือได้ มีประสิทธิภาพ และรวดเร็วทั่วประเทศ J&T Express พบว่าหนทางดีที่สุดในการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจในระยะยาวก็คือการจับมือกับพันธมิตรอย่าง HUAWEI CLOUD ส่วนแผนในอนาคตนั้น J&T Express จะร่วมมือกับ HUAWEI CLOUD ในด้านปัญญาประดิษฐ์ มุ่งความสนใจไปที่เทคโนโลยีวิเคราะห์วิดีโอ การบริหารจัดการยานพาหนะ และระบบจดจำใบหน้า ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ J&T Express ไปถึงเป้าหมายในการทำให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตและเจริญก้าวหน้าผ่านทางนวัตกรรมและบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ
https://intl.huaweicloud.com/en-us/cases/jt.html
[1]https://datareportal.com/reports/digital-2019-spotlight-ecommerce-in-southeast-asia |
[2]https://datareportal.com/reports/digital-2019-spotlight-ecommerce-in-southeast-asia |
SOURCE HUAWEI CLOUD


CIIE 3
ซิดนีย์--6 ธ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
บริษัทจากออสเตรเลีย 5 แห่ง ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน หรือ China International Import Expo (CIIE) ครั้งหน้าแล้ว ในระหว่างการเดินสายโปรโมทของสำนักงาน CIIE ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา
ประชาคมธุรกิจของออสเตรเลียเปิดเผยว่า ทางภาคธุรกิจต่างรอคอยงาน China International Import Expo (CIIE) ในปีหน้าอย่างจดจ่อ หลังมหกรรม CIIE ครั้งที่ 2 เพิ่งปิดฉากไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา ณ นครเซี่ยงไฮ้
นอกจากนี้ ผู้จัดแสดงสินค้าที่เข้าร่วมงาน CIIE ในปีนี้ ยังกล่าวอีกว่า งาน CIIE นำเสนอโอกาสทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมแก่ธุรกิจออสเตรเลียในการขยายธุรกิจในตลาดจีน
ผู้ที่เข้าร่วมการเดินสายโปรโมทมหกรรมครั้งนี้ ได้แก่ นายซุน เฉิงไห่ รองผู้อำนวยการสำนักงาน CIIE Bureau ที่ชี้ให้เห็นว่าจีนและออสเตรเลียมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาหลายปี
สำหรับงาน CIIE ครั้งที่ 2 มีผู้เข้าร่วมจากออสเตรเลียลงทะเบียนประมาณ 150 ราย เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับงานครั้งแรก ขณะที่พื้นที่จัดแสดงสินค้าเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ไคลีย์ เบลล์ ผู้อำนวยการบริหารของกรมอุตสาหกรรมรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า กว่าครึ่งของผู้จัดแสดงสินค้าจากออสเตรเลียในงาน CIIE ครั้งที่ 2 มาจากรัฐนิวเซาท์เวลส์ และมหกรรมแสดงสินค้านี้เป็นแฟลตฟอร์มที่เหมาะต่อการยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจจีน-ออสเตรเลียไปอีกขั้น
นอกจากนี้ เธอยังให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนมหกรรมครั้งที่ 3 ด้วยการเชิญชวนให้ธุรกิจออสเตรเลียเข้าร่วมมหกรรมนี้มากยิ่งขึ้น
กู้ เซี่ยวเจี่ย กงสุลใหญ่จีน ณ นครซิดนีย์ เผยว่า งาน CIIE กลายเป็นหน้าต่างบานสำคัญในการแสดงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ใกล้ชิดระหว่างจีนกับออสเตรเลีย
นอกจากนี้ คุณกู้ ยังแสดงการต้อนรับบริษัทจากออสเตรเลียที่จะเข้าร่วมงาน CIIE และส่งเสริมการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีนกับออสเตรเลีย
ทั้งนี้ งาน CIIE ครั้งที่ 2 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ถึง 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยดึงดูดผู้ประกอบการได้กว่า 3,800 ราย จาก 181 ประเทศ ภูมิภาค และองค์กรระหว่างประเทศ ทั้งยังมีข้อตกลงซื้อสินค้าและบริการ 1 ปี เป็นมูลค่ารวม 7.113 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191205/2662146-1
SOURCE China International Import Expo (CIIE)


คณะกรรมาธิการยุโรปอนุมัติให้ยา XOSPATA® ของบริษัท Astellas สามารถใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดไมอีลอยด์ที่กลับมาเป็นซ้ำหรือดื้อยา และตรวจพบการกลายพันธุ์เชื้อ FLT3 โดยใช้วิธีการทดสอบ LeukoStrat CDx FLT3 Mutation Assay ของ Invivoscribe
à¸à¸²à¸à¸à¸´à¹à¸à¹à¸, Dec. 06, 2019 (GLOBE NEWSWIRE) -- à¸à¸£à¸´à¸©à¸±à¸ Invivoscribe à¹à¸à¹à¸à¸³à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸à¸¸à¸à¸ าà¸à¸à¸²à¸£à¸à¸¹à¹à¸¥à¸ªà¸¸à¸à¸ าà¸à¸à¸±à¹à¸§à¹à¸¥à¸à¸¡à¸²à¸à¸¥à¸à¸ 25 à¸à¸µà¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸²à¸£à¹à¸«à¹à¸à¸£à¸´à¸à¸²à¸£à¸ªà¸²à¸£à¹à¸à¸¡à¸µà¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸¡à¸²à¸à¸£à¸à¸²à¸ à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸ªà¸à¸ à¹à¸¥à¸°à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸¡à¸·à¸à¸à¸µà¸§à¸ªà¸²à¸£à¸ªà¸à¹à¸à¸¨à¸¨à¸²à¸ªà¸à¸£à¹à¸à¸¸à¸à¸ าà¸à¸ªà¸¹à¸ à¹à¸à¸·à¹à¸à¸à¸±à¸à¸à¸²à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¹à¸²à¸§à¸«à¸à¹à¸²à¸à¸²à¸à¸à¸²à¸£à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸à¸µà¹à¹à¸à¸µà¹à¸¢à¸à¸à¸£à¸à¹à¸¡à¹à¸à¸¢à¸³ à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸à¸¡à¸µà¸à¸²à¸£à¹à¸à¹à¸§à¸´à¸à¸µ LeukoStrat® CDx FLT3 Mutation Assay à¹à¸à¸·à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸§à¸´à¸à¸µà¸à¹à¸§à¸¢à¹à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸£à¸°à¹à¸¡à¸´à¸à¸à¸¹à¹à¸à¹à¸§à¸¢à¹à¸£à¸à¸¡à¸°à¹à¸£à¹à¸à¹à¸¡à¹à¸à¹à¸¥à¸·à¸à¸à¸à¸²à¸§à¹à¸à¸µà¸¢à¸à¸à¸¥à¸±à¸à¸à¸à¸´à¸à¹à¸¡à¸à¸µà¸¥à¸à¸¢à¸à¹ (AML) à¹à¸à¸¢à¸à¸²à¸£à¸£à¸±à¸à¸©à¸²à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸²à¸£à¹à¸«à¹à¸¢à¸² XOSPATA® (gilteritinib) à¹à¸à¸¢à¸¸à¹à¸£à¸Â à¸à¸²à¸£à¸à¸¥à¸²à¸¢à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¹à¹à¸à¸·à¹à¸ FLT3 à¸à¸°à¸à¹à¸à¸à¹à¸à¹à¸£à¸±à¸à¸à¸²à¸£à¸¢à¸·à¸à¸¢à¸±à¸à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸ªà¸à¸à¸à¸µà¹à¸à¸¹à¸à¸à¹à¸à¸à¹à¸à¹à¹à¸à¹ à¹à¸à¹à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸ªà¸à¸ LeukoStrat CDx FLT3 Mutation Assay à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸§à¸´à¸à¸µà¸à¸²à¸¢à¸à¸³à¸¥à¸à¸à¸à¸à¸ªà¸à¸à¸¢à¸² Phase 3 ADMIRAL à¹à¸à¸·à¹à¸à¹à¸«à¹à¹à¸à¹à¸£à¸±à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸¸à¸¡à¸±à¸à¸´à¹à¸à¹à¸¢à¸² XOSPATA® Â
วิà¸à¸µà¸à¸²à¸¢à¸à¸³à¸¥à¸à¸à¸à¸à¸ªà¸à¸à¸¢à¸²à¸¡à¸µà¸à¸à¸à¸²à¸à¸ªà¸³à¸à¸±à¸à¹à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¸à¸à¸²à¹à¸¥à¸°à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸¸à¸¡à¸±à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¹à¸à¹à¸¢à¸²à¸£à¸±à¸à¸©à¸²à¸¡à¸°à¹à¸£à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸£à¸à¸à¸¸à¸ à¸à¸§à¸²à¸¡à¸ªà¸²à¸¡à¸²à¸£à¸à¹à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸£à¸à¸à¸«à¸²à¸à¸±à¸à¸à¸µà¸à¸µà¹à¸§à¸±à¸à¸à¸²à¸à¸à¸µà¸§à¸ าà¸à¹à¸à¸«à¸¡à¸¹à¹à¸à¸¹à¹à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¹à¸§à¸à¸ªà¸£à¹à¸²à¸à¸à¸¥à¸¸à¹à¸¡à¸¢à¹à¸à¸¢à¸à¸¹à¹à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸¶à¹à¸à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¸°à¸à¹à¸§à¸¢à¹à¸«à¹à¸à¸¹à¹à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸²à¸ªà¸²à¸¡à¸²à¸£à¸à¸à¸à¸à¹à¸à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸³à¸à¸±à¸à¹à¸£à¸à¹à¸à¸à¹à¸«à¸¡à¹à¹à¸¥à¸°à¸à¸à¸à¹à¸à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸£à¸§à¸´à¸à¸±à¸¢à¸à¸²à¸à¸à¸¥à¸´à¸à¸´à¸à¹à¸à¹ à¸à¹à¸§à¸¢à¹à¸«à¸à¸¸à¸à¸µà¹ à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸¸à¸¡à¸±à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¹à¸à¹à¸¢à¸²à¸£à¸±à¸à¸©à¸²à¸¡à¸°à¹à¸£à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸£à¸à¸à¸¸à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¸ªà¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸ªà¸³à¹à¸£à¹à¸à¸à¸±à¹à¸à¸à¸¶à¸à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸¢à¸¹à¹à¸à¸±à¸à¸à¸£à¸°à¸ªà¸´à¸à¸à¸´à¸ าà¸à¸à¸à¸à¸§à¸´à¸à¸µà¸à¸²à¸¢à¸à¸³à¸¥à¸à¸à¸à¸à¸ªà¸à¸à¸¢à¸²à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸¡à¸²à¸
à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸¸à¸¡à¸±à¸à¸´à¸à¸²à¸à¸à¸à¸°à¸à¸£à¸£à¸¡à¸²à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸¢à¸¸à¹à¸£à¸à¹à¸à¸à¸²à¸£à¹à¸à¹à¸¢à¸² Gilteritinib à¸à¸±à¹à¸à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸à¸²à¸à¸à¸¥à¸¥à¸±à¸à¸à¹à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¸²à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸ªà¸à¸ Phase 3 ADMIRAL à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸³à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸ªà¸à¸ Gilteritinib à¹à¸à¸µà¸¢à¸à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸³à¹à¸à¸¡à¸µà¸à¸³à¸à¸±à¸à¹à¸à¸à¸¹à¹à¸à¹à¸§à¸¢à¸¡à¸°à¹à¸£à¹à¸ FLT3mut+ AML à¸à¸µà¹à¸à¸¥à¸±à¸à¸¡à¸²à¹à¸à¹à¸à¸à¹à¸³à¸«à¸£à¸·à¸à¸à¸·à¹à¸à¸¢à¸² à¸à¸²à¸£à¸¨à¸¶à¸à¸©à¸²à¸§à¸´à¸à¸±à¸¢ ADMIRAL มีà¸à¸¥à¸¥à¸±à¸à¸à¹à¹à¸ªà¸à¸à¹à¸«à¹à¹à¸«à¹à¸à¸§à¹à¸² Gilteritinib สà¹à¸à¸à¸¥à¸à¸²à¸£à¸£à¸±à¸à¸©à¸²à¹à¸£à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¹à¸«à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸±à¸à¹à¸à¹à¸à¸´à¸à¸ªà¸à¸´à¸à¸´à¹à¸à¹à¸à¸à¹à¸²à¹à¸à¸¥à¸µà¹à¸¢à¹à¸à¸¢à¸£à¸§à¸¡à¸à¸à¸à¸à¸¹à¹à¸£à¸à¸à¸à¸µà¸§à¸´à¸ (9.3 à¹à¸à¸·à¸à¸) à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¹à¸à¸µà¸¢à¸à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸³à¹à¸à¸¡à¸µà¸à¸³à¸à¸±à¸ (5.6 à¹à¸à¸·à¸à¸) à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸¹à¹à¸à¹à¸§à¸¢à¹à¸à¹à¸£à¸±à¸à¸à¸²à¸£à¹à¸¥à¸·à¸à¸à¹à¸«à¹à¸¡à¸²à¸£à¸±à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸ªà¸à¸à¸à¹à¸§à¸¢à¸§à¸´à¸à¸µ LeukoStrat CDx FLT3 Mutation Assay (Hazard FLT3 Ratio = 0.637 (95%CI 0.488, 0.830, P=0.0004) à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸¸à¸¡à¸±à¸à¸´à¸à¸£à¸±à¹à¸à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¸à¸²à¸£à¹à¸à¹à¸à¸¢à¹à¸³à¸§à¸´à¸à¸µà¸à¸²à¸£à¸£à¸±à¸à¸©à¸²à¹à¸¥à¸°à¸à¸±à¹à¸à¸¢à¸±à¸à¹à¸à¹à¸à¸§à¸´à¸à¸µà¸à¸²à¸£à¸£à¸±à¸à¸©à¸²à¸à¸¹à¹à¸à¹à¸§à¸¢à¸§à¸´à¸à¸µà¹à¸«à¸¡à¹à¸à¹à¸§à¸¢
à¹à¸à¸µà¹à¸¢à¸§à¸à¸±à¸ LeukoStrat CDx FLT3 Mutation Assay
à¸à¸²à¸£à¸à¸£à¸§à¸à¸§à¸´à¸à¸´à¸à¸à¸±à¸¢à¸à¸²à¸à¸«à¸¥à¸à¸à¹à¸¥à¸·à¸à¸à¸à¸³à¹à¸à¸ PCR à¸à¸£à¸§à¸à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸¥à¸²à¸¢à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¹à¹à¸à¸ Internal Tandem Duplication (ITD) à¹à¸¥à¸°à¸à¸²à¸£à¸à¸¥à¸²à¸¢à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¹à¹à¸à¸à¹à¸à¹à¸£à¸à¸µà¸à¹à¸à¹à¸à¸ªà¹à¸à¹à¸¡à¸ (TKD) D835 à¹à¸¥à¸° I836 à¹à¸à¸¢à¸µà¸Â FLT3 à¹à¸ DNA à¸à¸²à¸à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¸à¸£à¸£à¸¡à¸à¸µà¹à¸ªà¸à¸±à¸à¸à¸²à¸à¹à¸à¸¥à¸¥à¹à¸à¸´à¸§à¹à¸à¸¥à¸µà¸¢à¸ªà¹à¸à¸µà¹à¸¢à¸§à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¹à¸ªà¹à¸¥à¸·à¸à¸à¸«à¸£à¸·à¸à¹à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸¹à¸à¸à¸µà¹à¸à¸¹à¸à¸¡à¸²à¸à¸²à¸à¸à¸¹à¹à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸£à¸±à¸à¸à¸²à¸£à¸§à¸´à¸à¸´à¸à¸à¸±à¸¢à¸§à¹à¸²à¹à¸à¹à¸à¸¡à¸°à¹à¸£à¹à¸à¹à¸¡à¹à¸à¹à¸¥à¸·à¸à¸à¸à¸²à¸§à¹à¸à¸µà¸¢à¸à¸à¸¥à¸±à¸à¸à¸à¸´à¸à¹à¸¡à¸à¸µà¸¥à¸à¸¢à¸à¹ (AML) à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸ªà¸à¸à¸à¸µà¹à¸ªà¸²à¸¡à¸²à¸£à¸à¸à¸³à¹à¸à¹à¸à¹à¹à¸à¹à¸à¸±à¹à¸§à¹à¸¥à¸à¸à¸µà¹à¸à¸£à¸°à¸à¸à¸à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸à¸à¸à¹à¹à¸§à¸£à¹à¸à¸²à¸£à¸à¹à¸²à¸à¸à¹à¸²à¸à¹à¸à¸¡à¸¹à¸¥ à¸à¸²à¸£à¸ªà¸£à¹à¸²à¸à¸à¸±à¸à¸£à¸²à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸¥à¸²à¸¢à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¹/à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¹à¸à¹à¸²à¸à¸à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸¥à¸²à¸¢à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¹ ITD à¹à¸¥à¸° TKD à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸¡à¸²à¸à¸£à¸à¸²à¸ รวมà¸à¸¶à¸à¸à¸³à¸à¸²à¸¢à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸à¸ªà¸à¸à¸à¸à¹à¸à¸à¸±à¸§à¸¢à¸±à¸à¸¢à¸±à¹à¸à¹à¸à¹à¸£à¸à¸µà¸à¹à¸à¹à¸à¸ªà¸«à¸¥à¸²à¸¢à¸à¸±à¸§
à¸à¸£à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¹à¸§à¹à¸¥à¸à¹à¸¥à¸°à¸à¸²à¸£à¸à¸£à¸°à¸à¸²à¸¢à¸à¸¸à¸à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸¡à¸·à¸
à¸à¸à¸°à¸à¸µà¹à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸ªà¸à¸ LeukoStrat CDx สามารà¸à¹à¸à¹à¸à¸²à¸à¹à¸à¸à¸à¸£à¸´à¸à¸²à¸£à¹à¸¡à¸à¸¹à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸ªà¸à¸à¹à¸à¹à¹à¸¥à¹à¸§à¸à¹à¸²à¸à¸à¸£à¸´à¸©à¸±à¸à¹à¸à¹à¸à¸£à¸·à¸à¸à¸à¸ Invivoscribe à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸à¹à¹à¸à¹ LabPMM LLC (สหรัà¸à¸¯), LabPMM GmbH (à¹à¸¢à¸à¸£à¸¡à¸à¸µ) à¹à¸¥à¸° LabPMM GK (à¸à¸µà¹à¸à¸¸à¹à¸) à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¸ LeukoStrat CDx FLT3 Mutation Assay มีà¸à¸³à¸«à¸à¹à¸²à¸¢à¹à¸à¸à¸µà¹à¸à¸¸à¹à¸ ยุà¹à¸£à¸ à¹à¸¥à¸°à¸à¸à¸ªà¹à¸à¸£à¹à¸¥à¸µà¸¢ à¹à¸¥à¸°à¸à¸³à¸¥à¸±à¸à¸à¸¢à¸¹à¹à¹à¸à¸£à¸°à¸«à¸§à¹à¸²à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸§à¸²à¸à¸à¸³à¸«à¸à¹à¸²à¸¢à¹à¸à¸ªà¸«à¸£à¸±à¸à¸à¹à¸¡à¸£à¸´à¸à¸² à¹à¸¥à¸°à¸¡à¸µà¹à¸à¸à¸à¸µà¹à¸à¸°à¸§à¸²à¸à¸à¸³à¸«à¸à¹à¸²à¸¢à¹à¸à¸à¸£à¸°à¹à¸à¸¨à¸à¸µà¸à¹à¸à¸à¸à¸²à¸à¸
à¹à¸à¸µà¹à¸¢à¸§à¸à¸±à¸ Invivoscribe
Invivoscribe à¹à¸à¹à¸à¸à¸£à¸´à¸©à¸±à¸à¹à¸à¸à¹à¸à¹à¸¥à¸¢à¸µà¸à¸µà¸§à¸ าà¸à¸£à¸°à¸à¸±à¸à¹à¸¥à¸à¸à¸µà¹à¸à¸¸à¹à¸¡à¹à¸à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸à¸µà¸§à¸´à¸à¸à¸¹à¹à¸à¸à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸²à¸£à¸§à¸´à¸à¸´à¸à¸à¸±à¸¢à¸à¸µà¹à¹à¸¡à¹à¸à¸¢à¸³ (Improving Lives with Precision Diagnostics®) Invivoscribe มีà¸à¸£à¸°à¸§à¸±à¸à¸´à¸à¸§à¸²à¸¡à¸ªà¸³à¹à¸£à¹à¸à¹à¸à¸à¸²à¸£à¹à¸à¹à¸à¸à¸±à¸à¸à¸¡à¸´à¸à¸£à¸à¸±à¸à¸à¸£à¸´à¸©à¸±à¸à¸¢à¸²à¸à¸±à¹à¸§à¹à¸¥à¸à¸à¸µà¹à¸¡à¸¸à¹à¸à¸ªà¸à¹à¸à¹à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¸à¸à¸²à¹à¸¥à¸°à¸à¸²à¸£à¸à¹à¸²à¸à¸²à¸¢à¸à¸²à¸¢à¸à¸³à¸¥à¸à¸à¸à¸à¸ªà¸à¸à¸¢à¸² รวมà¸à¸¶à¸à¸ªà¹à¸à¸¡à¸à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸£à¸¹à¹à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¸³à¸à¸²à¸à¸à¸±à¹à¸à¹à¸à¸à¹à¸²à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸§à¸à¸à¸¸à¸¡à¹à¸¥à¸°à¸à¸£à¸´à¸à¸²à¸£à¸«à¹à¸à¸à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸´à¸à¸²à¸£ à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¸à¸à¸³à¸«à¸à¹à¸²à¸¢à¸à¸¸à¸à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸¡à¸·à¸à¸£à¸§à¸¡à¸à¸¶à¸à¸à¸£à¸´à¸à¸²à¸£à¸§à¸´à¸à¸±à¸¢à¸à¸²à¸à¸à¸¥à¸´à¸à¸´à¸à¸à¹à¸²à¸à¸«à¹à¸à¸à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸à¸à¸¥à¸´à¸à¸´à¸à¸à¸à¸à¸à¸£à¸´à¸©à¸±à¸à¹à¸à¹à¸à¸£à¸·à¸ (LabPMM) à¸à¸µà¹à¸¡à¸µà¸à¸¢à¸¹à¹à¸à¸±à¹à¸§à¹à¸¥à¸ à¸à¸³à¹à¸«à¹ Invivoscribe à¹à¸à¹à¸à¸à¸±à¸à¸à¸¡à¸´à¸à¸£à¸à¸±à¹à¸à¸¢à¸à¸à¸à¸±à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¹à¸²à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸à¸²à¸£à¸§à¸´à¸à¸´à¸à¸à¸±à¸¢ à¹à¸à¸à¸à¸à¸¶à¸à¸à¸²à¸£à¸§à¸´à¸à¸±à¸¢à¸à¸²à¸à¸à¸¥à¸´à¸à¸´à¸ à¸à¸²à¸£à¸¢à¸·à¹à¸à¹à¸à¸à¸ªà¸²à¸£à¸à¹à¸à¸¡à¸¹à¸¥à¸à¸²à¸¡à¸£à¸°à¹à¸à¸µà¸¢à¸à¸à¸à¹à¸à¸à¸à¹ à¹à¸¥à¸°à¸à¸²à¸£à¸à¸³à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¸à¸£à¸à¸´à¸à¸à¸²à¸£à¸à¹à¸² หาà¸à¸à¹à¸à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸£à¸²à¸à¸à¹à¸à¸¡à¸¹à¸¥à¹à¸à¸´à¹à¸¡à¹à¸à¸´à¸¡ à¹à¸à¸£à¸à¸à¸´à¸à¸à¹à¸ Invivoscribe à¹à¸à¹à¸à¸µà¹Â support@invivoscribe.com หรืà¸à¹à¸à¸à¸µà¹Â www.invivoscribe.comÂ

Black Desert Mobile 9 2562
กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้, 6 ธ.ค. 2562/ พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- บริษัท Pearl Abyss ได้แถลงข่าวว่าตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2562 ทางบริษัทจะเปิดให้ผู้เล่นทั่วโลกสามารถดาวน์โหลดเกม MMORPG Black Desert Mobile ล่วงหน้า ผ่านทางระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ผู้เล่นทุกท่านจะสามารถสร้างตัวละครล่วงหน้า เพื่อต้อนรับการเปิดตัวจริงในวันที่ 11 ธันวาคม 2562
เมื่อทำการดาวน์โหลดเกมล่วงหน้าสำเร็จ ท่านจะสามารถสร้างและปรับแต่งตัวละครตามแบบที่ต้องการได้ ผ่านระบบปรับแต่งตัวละครที่เป็นหนึ่งในจุดเด่นของเกม ท่านจะได้สัมผัสกับระบบที่ละเอียดอ่อน ไม่แพ้การปรับแต่งตัวละครที่นำเสนอบน PC หรือคอนโซล ในการเปิดให้บริการทั่วโลกอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ท่านจะสามารถเลือกสร้างตัวละครได้จากทั้งหมด 5 อาชีพ ได้แก่ วอร์ริเออร์ เรนเจอร์ เบอร์เซิร์กเกอร์ วิทช์ และวาลคิรี
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ท่านนักผจญภัยจะได้รับเมื่อทำการดาวน์โหลดเกมล่วงหน้าก็คือสิทธิ์ในการตั้งชื่อตระกูลล่วงหน้าก่อนใคร เนื่องจากชื่อตระกูลนั้น ไม่สามารถตั้งซ้ำกันได้ ฉะนั้น ถ้าท่านมีชื่อตระกูลที่อยู่ในดวงใจแล้ว ก็ไม่ควรรอช้าที่จะรับสิทธิ์ในครั้งนี้
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นทาง Facebook ตั้งแต่วันที่ 9-16 ธันวาคม 2562 เพื่อเป็นการฉลองการดาวน์โหลดเกมล่วงหน้า นักผจญภัยทุกท่านที่ทำการดาวน์โหลดเกมล่วงหน้าและปรับแต่งตัวละครเสร็จสิ้น สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่โพสภาพสกรีนช็อต หรือวิดีโอแนะนำตัวละครที่สร้างใต้โพสกิจกรรมที่ Facebook ทางการของ Black Desert Mobile ซึ่ง CM ทุกคนจะช่วยกันคัดเลือกผู้โชคดีทั้ง 5 และจะประกาศรายชื่อผู้โชคดีพร้อมรางวัลพิเศษที่จะได้รับภายในเกม ในวันที่ 30 ธันวาคม 2562 และท่านยังสามารถร่วมกด 'ไลค์' เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทีมงาน แน่นอนว่าต้องมีรางวัลพิเศษตอบแทนนักผจญภัยทุกท่านที่เข้าร่วมกิจกรรม เมื่อยอดไลค์ครบ 3,000 ไลค์
Black Desert Mobile มีกำหนดเปิดให้บริการพร้อมกันทั่วโลก ในวันที่ 11 ธันวาคม 2562 ด้วยยอดลงทะเบียนล่วงหน้ากว่า 4,000,000 และครั้งนี้จะมีทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน ภาษารัสเซีย ภาษาไทย และภาษาอินโดนีเซียเพิ่มเข้ามา เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่นักผจญภัยทุกท่าน
ท่านสามารถติดตามรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเกม Black Desert Mobile ได้ที่เว็บไซต์ทางการ www.world.blackdesertm.com และดูวิดีโอการปรับแต่งตัวละครได้ ที่นี่
เกี่ยวกับ Black Desert
Black Desert เป็นเกมแนวแอคชั่น MMORPG ในรูปแบบ Open World ของบริษัท Pearl Abyss ที่มีภาพกราฟิกสวยงามและการต่อสู้ที่ง่ายต่อการควบคุม พร้อมระบบการปรับแต่งตัวละครที่สมจริงและละเอียดที่สุดในปัจจุบัน ผู้เล่นสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และสร้างตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้เล่นเองได้อย่างสร้างสรรค์ไม่ซ้ำใคร เรื่องราวมากมายบนโลกเสมือนจริงที่ไร้รอยต่อของ Black Desert จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เล่นทุกท่านอย่างแน่นอน
เกี่ยวกับบริษัท Pearl Abyss
บริษัท Pearl Abyss ก่อตั้งขึ้นในปี 2553 และได้พัฒนาเกม Black Desert เกมรูปแบบ MMORPG บน PC, มือถือ และคอนโซล ที่มีคุณภาพระดับโลกพร้อมกราฟิกที่สวยงามตระการตา ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ทุกอย่างในเกมถูกสร้างขึ้นด้วยเครื่องมือ และโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นเองภายในบริษัท และด้วยแผนการการพัฒนามากมาย บวกกับความพยายามที่ไม่มีขีดจำกัด ทำให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง พร้อมที่จะก้าวไปสู่ตำแหน่งผู้นำในตลาดเกม อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท Pearl Abyss ได้ที่ www.pearlabyss.com
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191205/2662186-1
SOURCE Pearl Abyss


SpaceChain
ภารกิจดังกล่าวขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของ SpaceChain ในด้านเครือข่ายดาวเทียมบล็อกเชนแบบเปิด
เคปคานาเวอรัล, รัฐฟลอริดา--6 ธ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
SpaceChain ประกาศว่าเทคโนโลยีชุดฮาร์ดแวร์บล็อกเชนกำลังอยู่บนเส้นทางสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) โดยขึ้นไปพร้อมกับจรวด SpaceX Falcon 9 ในฐานะส่วนหนึ่งของภารกิจเติมเสบียงเชิงพาณิชย์ CRS-19 ความเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นการสาธิตเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์บล็อกเชนบน ISS ครั้งแรก โดยจะมีการติดตั้งกับแพลตฟอร์มพาณิชย์ Nanorack บนสถานีอวกาศ ซึ่งถือเป็นการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนสู่วงโคจรอวกาศครั้งที่ 3 ของ SpaceChain ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา และเป็นการต่อยอดวิสัยทัศน์ของ SpaceChain ในการกระจายศูนย์กลางสู่วงโคจรนอกโลกสำหรับแอปพลิเคชั่นฟินเทคและธุรกิจ ภารกิจสาธิตของ ISS สามารถลุล่วงได้ผ่านทาง Nanoracks และข้อตกลง Space Act ที่ทำร่วมกับองค์การ NASA
เมื่อมีการใช้งานแล้ว เทคโนโลยีที่นำขึ้นสู่สถานีอวกาศจะแสดงให้เห็นการรับ, อนุญาต และส่งผ่านธุรกรรมบล็อกเชน, สร้างธุรกรรมแบบ "multisig" ที่ต้องใช้ลายเซ็น (อนุมัติ) มากมายเพื่อให้เสร็จสิ้น และเพิ่มความปลอดภัยของการดำเนินงาน โดยข้อมูลทั้งหมดจะมีการถ่ายทอดสัญญาณขึ้นและลงโดยตรงผ่านทางแพลตฟอร์มพาณิชย์ของ Nanorack การใช้เทคโนโลยีของ SpaceChain ได้เพิ่มศักยภาพด้านความห่างไกลและความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานอวกาศกับเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อวางรากฐานสำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นบนเทคโนโลยีนี้
หลักชัยสำคัญนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ SpaceChain ในการแก้ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานแบบรวมศูนย์บนภาคพื้น ขณะเดียวกันก็ช่วยเร่งพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยี, ความร่วมมือระดับนานาชาติ และการใช้ประโยชน์จากอวกาศสำหรับธุรกิจสมัยใหม่
ก่อนหน้านี้ SpaceChain ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากองค์การอวกาศยุโรป (ESA) ภายใต้โครงการ Kick-start Activity เพื่อพัฒนาและกำหนดการใช้งานเพิ่มเติมของเทคโนโลยีบล็อกเชนดาวเทียม ซึ่งจากการเพิ่มเทคโนโลยีบนอวกาศในเครือข่ายที่มีอยู่แล้ว ธุรกิจต่างๆ จะสามารถเสริมสร้างความปลอดภัยในการรับส่งสินทรัพย์ดิจิทัลที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์และการแฮ็ก หากอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ศูนย์กลางบนพื้นโลก
"การนำเทคโนโลยีขึ้นสู่อวกาศครั้งที่ 3 นี้นับเป็นหลักชัยสำคัญ ไม่เพียงสำหรับ SpaceChain เท่านั้น แต่ยังสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอวกาศใหม่" Zee Zheng ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ SpaceChain กล่าว "การบูรณาการอวกาศกับเทคโนโลยีบล็อกเชนทำให้เกิดความเป็นไปได้และโอกาสใหม่ๆ ซึ่งเรารู้สึกตื่นเต้นมากกับโอกาสที่จะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการการเงินและนักพัฒนาฟินเทค, ผู้ให้บริการ IoT, สถาบันวิจัย, และหน่วยงานด้านอวกาศในไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อเร่งกระบวนการพัฒนาภายในระบบนิเวศ"
"บล็อกเชนเป็นผู้ดิสรัปต์รายใหญ่รายถัดไปในอวกาศ" Jeff Garzik ผู้ร่วมก่อตั้งและซีทีโอของ SpaceChain กล่าว "SpaceChain พบความเสี่ยงที่เป็นอันตรายในระบบการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลในเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโต แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ผ่านการบูรณาการนี้ กระบวนทัศน์ใหม่ที่เคยอยู่ไกลเกินเอื้อมจะสามารถสร้างขึ้นได้จริงและเพิ่มองค์ประกอบที่น่าตื่นตาตื่นใจในเศรษฐกิจอวกาศใหม่"
SpaceChain คาดว่า การทดสอบเทคโนโลยีบนสถานีอวกาศจะเสร็จสิ้นภายในช่วงต้นปี 2020
เกี่ยวกับ SpaceChain
SpaceChain คือแพลตฟอร์มอวกาศบนชุมชนที่เชื่อมอวกาศกับเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างเครือข่ายดาวเทียมบล็อกเชนแบบเปิดรายแรกของโลก ซึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อปี 2560 เพื่อเปิดทางให้ผู้ใช้สามารถพัฒนาและใช้แอปพลิเคชั่นได้บนอวกาศ
เทคโนโลยีที่กระจายศูนย์กลางของ SpaceChain เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการสร้างระบบเศรษฐกิจอวกาศใหม่ ซึ่งทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชั่นอวกาศง่ายขึ้น และทำให้อวกาศเป็นที่ที่เข้าถึงได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังสร้างนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่ง โดยแอปพลิเคชั่นแรกขององค์กรจะเป็นเทคโนโลยี multisig บนอวกาศสำหรับบริการทางการเงิน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.spacechain.com
SOURCE SpaceChain


SA BIRTH 20.20 2020
คอลเลคชันเดียวกันนี้ยังมีเครื่องประดับชิ้นอื่น ๆ สำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวันและโอกาสพิเศษ
SA BIRTH GINZA × Hello Kitty ผนึกกำลังรังสรรค์ผลงานเครื่องประดับชิ้นใหม่
โตเกียว—5 ธันวาคม—พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
บริษัท SA BIRTH จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่แขวงมินาโตะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นบริษัทในเครือธุรกิจเครื่องประดับเพชรระดับโลกอย่าง UCHIHARA GROUP โดยเครือบริษัทแห่งนี้เตรียมเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีในปี 2020 ภายใต้การนำของคุณ Ichiro Uchihara ผู้เป็นประธานบริษัท และเพื่อเฉลิมฉลองวาระสำคัญนี้ SA BIRTH ขอเปิดตัวผลงานเครื่องประดับจากความร่วมมือกับ "Hello Kitty" ของ Sanrio ซึ่งเปิดให้พรีออเดอร์ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน และจะเริ่มพรีเซลในวันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2020 ที่ร้านค้าสาขาหลักของ SA BIRTH ในย่านกินซ่า
เครื่องประดับที่ทั้งสองบริษัทได้ร่วมสร้างขึ้นนี้ มีเป้าหมายอยู่ที่ "สาวสวยที่ดูเป็นผู้ใหญ่แต่ไม่โรยราตามอายุ" รวมถึง "ผู้หญิงที่อยากดูสง่างามอยู่ตลอดเวลา" ผลงานเครื่องประดับเหล่านี้ตกแต่งด้วยเพชร เพื่อเสริมมนต์เสน่ห์ดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมาย ความร่วมมือนี้ยังเป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับ Hello Kitty ด้วยเช่นกัน ในฐานะที่แบรนด์ครบรอบ 45 ปีในปีนี้
- เครื่องประดับจากความร่วมมือของ SA BIRTH GINZA × Hello Kitty
คอลเลคชันพิเศษนี้มีเครื่องประดับ 5 ชิ้นด้วยกัน ตั้งแต่เครื่องประดับสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นเซ็ตจี้ แหวน และต่างหู โดยมีจุดเด่นอยู่ที่โบว์อันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว Hello Kitty และยังมีจี้ที่ทำเป็นทรงโครงร่างของ Hello Kitty ไปจนถึงเครื่องประดับสุดหรูทำจากเพชรทั้งชิ้น (20.20 กะรัต) ในราคา 20.20 ล้านเยน
พรีออเดอร์: ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2019 ที่สาขาหลักของ SA BIRTH ในย่านกินซ่า
พรีเซล: ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2020 ที่สาขาหลักของ SA BIRTH ในย่านกินซ่า
- ส่วน SA BIRTH GINZA สาขาอื่น ๆ ทุกสาขาในประเทศญี่ปุ่น จะเริ่มสต็อกสินค้าในช่วงปลายเดือนมกราคม
- จี้เพชร (เข็มกลัด) ทองคำขาว /K18
จี้เพชรทั้งชิ้นสำหรับ "สาวสวยที่ดูเป็นผู้ใหญ่แต่ไม่โรยราตามอายุ" รวมถึง "ผู้หญิงที่อยากดูสง่างามอยู่ตลอดเวลา"
- เครื่องประดับพิเศษอันล้ำค่า ต้อนรับปี 2020 ที่กำลังใกล้เข้ามา
- จี้ชิ้นนี้ใช้เพชร 20.20 กะรัต บริเวณโบว์ตกแต่งด้วยเพชรคุณภาพเม็ดใหญ่ (2.02ct) จากทางตอนใต้ของแอฟริกา
- บริเวณเสื้อของ Hello Kitty สลักโลโก้ SA BIRTH GINZA และเลข 2020
- จัดวางท่วงท่าของ Hello Kitty สะท้อนความกระตือรือร้น เพื่อก้าวเข้าสู่ปี 2020 อย่างมั่นใจ
- ผลงานชิ้นเอกจากช่างฝีมือมากทักษะชาวญี่ปุ่น
- ลำตัว Hello Kitty ตกแต่งด้วยเพชรทั้งหมด โดยใช้เทคนิคการฝังจิกไข่ปลา (Pave Setting) ทั้งยังเห็นรูป Hello Kitty อีกตัวบริเวณด้านหลังของจี้ส่วนบนอีกด้วย
- สายสร้อยยาวประมาณ 70 ซม. และปรับความยาวได้ตามสไตล์ของตนเอง ส่วนตัวจี้มีขนาดประมาณ 7 ซม. X 5 ซม. อยู่บริเวณด้านบนของสายสร้อย ซึ่งตัวจี้นำไปติดเป็นเข็มกลัดได้ด้วย
วัสดุ: ทองสีเหลืองและทองสีชมพู ทองคำขาว /K18
ตาและหนวด - ชุบโรเดียมทองคำขาว
โบว์ - ลงสีและฉายแสงยูวีบนทองคำขาว
ราคา: 20.20 ล้านเยน
ล็อต: 1 ชิ้น
- จี้เพชรทองคำขาว
จี้ชิ้นเล็กนี้ทำเป็นทรงโครงร่างของ Hello Kitty เติมเต็มด้วยเพชรระยิบระยับ
วัสดุ: ทองคำขาว
ราคา: 98,000 เยน
ล็อต: 100 ชิ้น
- จี้ แหวน และต่างหูเพชรทองคำขาว
เซ็ตเครื่องประดับนี้มี 3 ชิ้น ประกอบด้วยจี้ แหวน และต่างหู จุดเด่นอยู่ที่โบว์อันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว Hello Kitty โดยเราเตรียมวางจำหน่ายแยกชิ้น
วัสดุ: ทองคำขาว
ราคา: ชิ้นละ 125,000 เยน
ล็อต: 30 เซ็ต
- ราคาทั้งหมดยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ดีไซน์สินค้ายังไม่เป็นที่เสร็จสมบูรณ์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
HP: https://www.sabirthginza.com/en/
อ้างอิง
สำหรับสาว ๆ ที่อยากจะดูสวยเลอค่าอยู่ตลอดเวลา - เลือกความงามที่เปล่งประกายด้วยเพชรจาก SA BIRTH GINZA
SA BIRTH GINZA ธุรกิจเครื่องประดับเพชรจากกินซ่า ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2018 จากความหลงใหลในการรังสรรค์เครื่องประดับที่สวยงามและมีคุณภาพเยี่ยมจาก SA BIRTH เพื่อเปิดให้เป็นเจ้าของ พร้อมภารกิจในการทำให้ผู้หญิงทุกคนเปล่งประกายความงาม
ธีมของแบรนด์คือ "จักรวาล" ซึ่งสะท้อนถึงความงามของธรรมชาติที่แสนอัศจรรย์ซึ่งโอบล้อมอยู่รอบตัวเราและความงดงามของชีวิต โดยผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นำเสนอความงดงามของธรรมชาติที่รายล้อมเราในทุก ๆ วัน เครื่องประดับเหล่านี้สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความประณีตเพื่อผู้หญิงที่ทันสมัยทุกคนซึ่งอาจมีงานรัดตัว เพื่อเพิ่มพลังให้กับสาว ๆ ด้วยธรรมชาติ พร้อมเติมความวิบวับให้ดูเปล่งประกาย
เพชรแท้จาก SA BIRTH
บริษัท SA BIRTH จำกัด ตั้งอยู่ที่แขวงมินาโตะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นบริษัทในเครือธุรกิจเครื่องประดับเพชรระดับโลกอย่าง UCHIHARA GROUP โดยเครือบริษัทแห่งนี้เตรียมเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีในปี 2020 ภายใต้การนำของคุณ Ichiro Uchihara ผู้เป็นประธานบริษัท
- เพชรที่สวยที่สุดในโลกจากทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา
ภูมิภาคแอฟริกาใต้ ซึ่งประกอบด้วยแอฟริกาใต้ บอตสวานา และเลโซโท คือแดนสวรรค์แห่งเพชร ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ามีเพชรแท้ตามธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่และคุณภาพเยี่ยม SA BIRTH ประสบความสำเร็จในการรังสรรค์และส่งมอบเครื่องประดับที่สวยงามที่สุดและเปล่งประกายที่สุด ซึ่งเกิดจากการคัดสรรเพชรในภูมิภาคดังกล่าว เราพิถีพิถันในการเลือกเพชรด้วยมือตามมาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวดของญี่ปุ่น
- เพชรแท้ใสบริสุทธิ์ และมีจรรยาบรรณ
เพชรของเราได้รับการขุดและซื้อขายตามกระบวนการที่มีจรรยาบรรณในภูมิภาคแอฟริกาใต้ นอกจากนี้ เราได้เดินหน้ายกระดับการศึกษา บริการทางการแพทย์ และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับคนในพื้นที่ ด้วยการจ้างพนักงานที่เป็นคนท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการเจียระไนที่ทำงานอยู่ในโรงงานสุดทันสมัยของเราในพื้นที่ดังกล่าว
- แหล่งกำเนิดและการสืบทวนแหล่งที่มา
เพชรทุกเม็ดของเราซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า 0.17ct เป็นเพชรแท้ที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งผ่านการคัดสรรอย่างประณีตจากแหล่งผลิตในภูมิภาคแอฟริกาใต้ แดนสวรรค์แห่งเพชร โดยแหล่งกำเนิดและการสืบทวนแหล่งที่มามีการเผยแพร่สู่สาธารณะเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าชมได้ เรามีระบบการจัดการการผลิตที่เข้มงวด ด้วยการใช้เลเซอร์สลักซีเรียลนัมเบอร์บริเวณฐานใต้เพชร
- เครื่องประดับที่ตรงตามมาตรฐานอันเข้มงวดของญี่ปุ่น
เรามุ่งมั่นออกแบบและสร้างสรรค์เครื่องประดับที่มีคุณภาพดีที่สุด โดยเราได้ดูแลและสร้างสรรค์กระบวนการผลิตที่ดีที่สุด ตามเป้าหมายที่ต้องการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทุกท่านในญี่ปุ่น เรามีความภูมิใจในผลิตภัณฑ์ที่มีความสมบูรณ์แบบทุกชิ้น ซึ่งเกิดจากฝีมือของช่างทำเครื่องประดับผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น เครื่องประดับของเราสวมใส่สบาย โดยแหวนสามารถสวมเข้าไปที่นิ้วได้อย่างไหลลื่น ขณะที่สร้อยคอก็สวมใส่สบายไม่มีความระคายผิว
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191128/2655518-1-b
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191128/2655518-1-a
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191128/2655518-1-c
SOURCE SA BIRTH Co., Ltd.


Raffles Grand Hotel d'Angkor '1932'
สถานที่เดียวในเสียมราฐที่แขกผู้มาเยือนจะได้ลิ้มลองอาหารชาววังเขมร
เสียมราฐ กัมพูชา, 4 ธ.ค. 2019 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- โรงแรมที่มีประวัติศาสตร์และตำนานเล่าขานยาวนานที่สุดของกัมพูชาได้จารึกเรื่องราวบทใหม่อีกหน้าหนึ่ง ในโอกาสที่ทางโรงแรมได้เปิดตัวห้องอาหารหรูแห่งใหม่หลังจากการปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา
ห้องอาหาร '1932' ตั้งชื่อตามปีที่โรงแรม Raffles Grand Hotel d' Angkor เปิดให้บริการ ซึ่งในพิธีเปิดห้องอาหารเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แขกผู้มีเกียรติ 50 ท่านได้รับเชิญมาร่วมรับประทานอาหารเขมรต้นตำรับผสานความร่วมสมัย ที่ทางห้องอาหารยกขบวนมาเสิร์ฟให้ได้ลิ้มลองหลากหลายเมนู
ห้องอาหาร '1932' ตั้งอยู่บนชั้นหนึ่งของอาคาร Heritage Wing ใกล้กับห้องอาหาร Conservatory และอยู่ด้านหลังของ Elephant Bar อันโด่งดัง โดยห้องอาหาร '1932' มีความสง่างามและภูมิฐาน สมกับที่มารับช่วงสืบทอดตำนานต่อจาก Restaurant Le Grand ที่เปิดมาก่อนหน้านี้และอยู่คู่กับโรงแรมมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง อีกทั้ง '1932' ยังได้รับเกียรติเป็นภัตตาคารเพียงหนึ่งในสองแห่งของกัมพูชาที่ได้รับอนุญาตให้เสิร์ฟอาหารตำรับราชสำนักเขมร (Royal Khmer Cuisine) ซึ่งอีกแห่งหนึ่งคือห้องอาหารโรงแรมในเครือเดียวกันอย่าง Raffles Hotel Le Royal ในกรุงพนมเปญ โดยทางโรงแรมได้รับการถ่ายทอดตำรับอาหารเหล่านี้มาจากห้องเครื่องของกษัตริย์กัมพูชา โดยได้รับอนุญาตตามพระราชกฤษฎีกา
Royal Khmer Menu เป็นการนำองค์ประกอบและรสสัมผัสที่หลากหลายมาผสมผสานจนเกิดเป็นเมนูอันน่าตื่นตาตื่นใจ อาทิ สลัดกุ้งและมะม่วง ซุปใสล็อบสเตอร์รสจัดจ้าน ซี่โครงแกะย่างในซอสขิง แกงไก่ในลูกมะพร้าว และตบท้ายมื้อค่ำแสนอร่อยด้วยขนมหวานอย่าง สังขยาฟักทอง
Angela Brown รับตำแหน่ง Executive Chef ของ Raffles Grand Hotel d' Angkor เธอเป็นชาวบริสเบน ออสเตรเลีย และสั่งสมประสบการณ์จากการเป็นเชฟประจำโรงแรม Sofitel หลายสาขาทั่วโลก ซึ่งรวมถึงลอนดอนและกรุงเทพฯ การอาศัยอยู่ในเสียมราฐมานานเกือบ 3 ปี ทำให้ Chef Angela ได้คลุกคลีกับอาหารกัมพูชาและมีความหลงใหลในเทคนิคการปรุงอาหารท้องถิ่น"อาหารเขมรเป็นการผสมผสานระหว่างรสชาติที่กลมกล่อม เป็นธรรมชาติ และละมุนลิ้น" เธออธิบาย "อาหารเขมรมีความลุ่มลึกกว่าอาหารไทยมาก อาหารเขมรจะมีรสชาติโดดออกมา และทำให้คุณอยากลิ้มลองต่อไปเรื่อย ๆ" Chef Angela มุ่งมั่นรังสรรค์เมนูอาหารเขมรแบบดั้งเดิมด้วยวิธีการสมัยใหม่ ซึ่ง"ไม่ใช่การฟิวชั่น แต่เป็นเมนูที่สามารถประยุกต์ให้ถูกปากชาวตะวันตก" เธอกล่าว โดยหนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ใหม่ล่าสุดของ Chef Angela คือ เนื้อแก้มวัวที่นุ่มละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมสมุนไพรท้องถิ่นที่มีกลิ่นหอมอย่างผักแขยง (ma-om ในภาษาเขมร) และแกงไข่นกกระทา สำหรับเมนูขึ้นชื่ออื่น ๆ ได้แก่ อาหารจานเนื้อประจำชาติกัมพูชาอย่าง lok lak ที่ปรุงในสไตล์ชาโตบริยองด์ และเนื้อวากิวสันนอกกับซอสองุ่น
นอกจากนี้ ยังมีการคัดสรรเครื่องเคียงประจำแต่ละมื้ออาหารอย่างพิถีพิถัน หนึ่งในนั้นได้แก่ duka ธัญพืชรวมซึ่งประกอบไปด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ งา ลูกผักชีและเกลือ ขนมปังข้าวไรย์ที่โรยจนทั่วด้วยเมล็ดพืชท้องถิ่นคล้ายอัลมอนด์เรียกว่า chombok ขณะที่ la-voch เป็นจาปาตีที่ทำจากข้าวสาลีและสมุนไพรท้องถิ่น ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการควบคุมดูแลโดย Ms. Sum Socheata ผู้เชียวชาญด้านไวน์แห่ง '1932' แขกทุกท่านยังจะได้รับประสบการณ์การจับคู่ไวน์กับอาหารแต่ละจานของ Royal Khmer ทั้ง 5 คอร์ส ขณะเดียวกันทางโรงแรมยังนำเครื่องดื่มชื่อดังที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Raffles อย่าง Singapore Sling มารังสรรค์เป็นเวอร์ชันกัมพูชาที่มีส่วนผสมของขิงและข่า ในชื่อ Grand Hotel d'Angkor Sling พร้อมเสิร์ฟเป็นแอพเพอริทิฟ หรือเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยอีกด้วย
"การรีโนเวททำให้ห้องอาหารมีความทันสมัย สดใหม่ด้วยแสง แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงให้ความรู้สึกย้อนยุคกลับไปในสมัยก่อน" Vincent Gernigon ผู้จัดการโรงแรม กล่าว "ห้องอาหารโฉมใหม่นี้ได้รับการเติมเต็มอย่างสมบูรณ์แบบด้วยเมนูน่าตื่นตาตื่นใจที่สร้างสรรค์ขึ้นโดย Chef Angela และเพิ่มมิติใหม่ให้กับอาหารเขมร"
Raffles Grand Hotel d'Angkor กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2019 หลังจากที่ปิดเพื่อบูรณะเป็นเวลา 6 เดือน โรงแรมได้รับการออกแบบในช่วงปลายทศวรรษ 1920s โดยสถาปนิก Ernest Hébrard การตกแต่งภายในของโรงแรมเป็นการผสมผสานศิลปะเขมรเข้ากับอิทธิพลของศิลปะแนวอาร์ตเดโค โดยมีลิฟต์ที่ทำจากไม้และเหล็กบริสุทธิ์เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของโรงแรมแห่งนี้ 'The Grand' ทำหน้าที่เป็นฐานที่มั่นสำหรับนักโบราณคดี นักสำรวจ และผู้มาเยือน Kingdom of Angkor ที่เพิ่งถูกค้นพบในสมัยนั้น Fairmont Raffles Hotels International (FRHI) ได้เข้าเทคโอเวอร์โรงแรมในปี 1997 ตามคำเชิญของพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ แห่งกัมพูชา ปัจจุบันโรงแรมเป็นส่วนหนึ่งของเครือ Accor หลังจากที่ทางกลุ่มได้ซื้อกิจการ FRHI ในเดือนกรกฎาคม 2016
สำหรับการสำรองห้องพักที่ Raffles Grand Hotel d'Angkor กรุณาติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ +855 23 982 598 หรืออีเมล bookus.siemreap@raffles.com โดยราคาห้องพักโรงแรม Raffles Grand Hotel d'Angkor เริ่มต้นที่ 230 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืน
รับชมและดาวน์โหลดรูปภาพความละเอียดสูงได้ที่นี่
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
Joyce Ong, Vice President Communications
Accor - Upper Southeast & Northeast Asia and the Maldives
อีเมล: joyce.ong@accor.com
Harry Greig, Communications Manager
Accor - Upper Southeast & Northeast Asia and the Maldives
โทร: +66 65 510 5290 | อีเมล: harry.greig@accor.com
Margaux Hontiveros, Director of Marketing & Communications
Raffles Cambodia
โทร: +855 23 981 888 | อีเมล: margaux.hontiveros@raffles.com
Raffles Grand Hotel d'Angkor
โรงแรม The Grand Hotel d'Angkor เปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือนครั้งแรกในปี 1932 เพื่อให้บริการที่พักหรูหราแก่นักสำรวจกลุ่มแรกที่เดินทางมาสำรวจปราสาทนครวัด-นครธม ซึ่งเป็นมรดกโลกของยูเนสโก จากนั้นได้มีการบูรณะอย่างระมัดระวังและกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในปี 1997 โดย Raffles Hotels and Resorts โรงแรมแห่งนี้ได้ซึมซับจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของ Raffles พร้อมทำหน้าที่เป็นเป็นขุมทรัพย์แห่งเรื่องราว ประวัติศาสตร์ และตำนานที่ถูกค้นพบ ณ ธรณีประตูของหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ The Grand Hotel ประกอบด้วยห้องพัก 119 ห้อง รวมถึงห้องสวีทและวิลล่า ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่อาคาร Heritage สวนฝรั่งเศส และสระว่ายน้ำกว้างใหญ่ไพศาลที่จำลองมาจากอ่างอาบน้ำในพระราชวังโบราณ เป็นที่พักพิงอันปลอดภัยสำหรับผู้ที่ต้องการผ่อนคลายจากการออกไปสำรวจปราสาท และเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมนครเสียมราฐอันมีชีวิตชีวา สำหรับทางเลือกในการรับประทานอาหารนั้น The Grand Hotel ยึดมั่นในการสืบสานมรดกของ Raffles ตั้งแต่การจิบชายามบ่าย Afternoon Tea ที่ห้องอาหาร The Conservatory ไปจนถึงการรับประทานอาหารค่ำในบรรยากาศโออ่าพร้อมชมศิลปะการแสดงสุดเอ็กซูคลูซีฟ ณ Apsara Terrace หรือจะเป็นเมนูตำรับชาววังเขมร Le Grand's Royal Khmer Cuisine ซึ่งทุกเมนูทำขึ้นจากสูตรอาหารที่ Raffles ได้รับพระราชทานภายใต้พระราชกฤษฎีกาจากห้องเครื่องวังหลวง โรงแรมตั้งอยู่ในย่าน Old French Quarter ใกล้กับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ และเดินทางจากสนามบินเพียง 15 นาที ทั้งยังอยู่ใกล้ตัวเมือง สามารถเดินไปเที่ยวชมตลาดที่คึกคัก หรือออกไปสนุกกับไนท์ไลฟ์สุดเทรนดี้ในยามค่ำคืน
เกี่ยวกับ Raffles
Raffles Hotels & Resorts เปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์อันรุ่งเรือง และมีโรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าอยู่ในหลายเมืองทั่วโลก ในปี 1887 โรงแรม Raffles Singapore ได้สร้างมาตรฐานแห่งการให้บริการที่หรูหรา ด้วยการแนะนำให้โลกได้รู้จักกับบริการบัตเลอร์ส่วนตัว เครื่องดื่มซิกเนเจอร์อย่าง Singapore Sling ตลอดจนบริการชั้นเลิศที่เป็นตำนานและยังสืบทอดต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบัน Raffles ยังคงสืบสานธรรมเนียมนี้ในเมืองชั้นนำและสถานที่พักตากอากาศสุดหรู เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักเดินทางด้วยประสบการณ์อันมีค่า และบริการที่ทั้งสุภาพและเป็นมิตร ผู้ที่รู้จักใช้ชีวิตต่างเลือกพักกับ Raffles ไม่เพียงเพราะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของวัฒนธรรม ความงาม และความมีระดับ แต่ยังเป็นเพราะผู้เข้าพักสามารถรู้สึกได้ถึงความพิเศษที่พบได้เฉพาะที่ Raffles เท่านั้น โรงแรม Raffles แต่ละแห่ง ไม่ว่าจะในปารีส อิสตันบูล วอร์ซอ จาการ์ตา หรือเซเชลส์ ต่างทำหน้าที่เป็นโอเอซิสอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ซึ่งนักเดินทางมาเยือนในฐานะแขก จากไปอย่างมิตร และกลับมาเยือนอีกครั้งในฐานะสมาชิกของครอบครัว Raffles เป็นส่วนหนึ่งของ Accor เครือโรงแรมระดับชั้นนำของโลกที่มอบประสบการณ์แสนพิเศษในโรงแรมและที่พัก 4,900 แห่งใน 110 ประเทศ
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191202/2657703-1
โลโก้ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191202/2657703-1LOGO
SOURCE Raffles Grand Hotel d’Angkor


AntWorks AI ANTstein SQUARE
ปี 2562 คือปีแห่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การขยายสำนักงาน และการบุกเบิกเทคโนโลยีครั้งแรกของอุตสาหกรรม
สิงคโปร์--4 ธันวาคม 2562--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ปีนี้ถือเป็นหลักชัยสำคัญของ AntWorks™ ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์แฟร็กทัล (fractal science) โดยความสำเร็จครั้งสำคัญที่สุดคือ การเปิดตัว ANTstein™ SQUARE แพลตฟอร์มระบบอัตโนมัติแบบผสมผสาน หรือ Integrated Automation Platform (IAP) เวอร์ชันใหม่ ที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถเปลี่ยนกระบวนการทางธุรกิจให้เป็นอัตโนมัติตั้งแต่ต้นจนจบได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และยืดหยุ่น นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนและเร่งขยายธุรกิจ AntWorks ได้เปิดสำนักงานใหม่หลายแห่งและเพิ่มจำนวนพนักงานทั่วโลก ทั้งยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากเทคโนโลยีสุดล้ำที่เป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรม
"นี่คือปีแห่งประวัติศาสตร์และการบุกเบิกสิ่งใหม่ ๆ สำหรับ AntWorks" Asheesh Mehra ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ กล่าว "เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราเริ่มธุรกิจโดยมีเป้าหมายในการปฏิวัติอุตสาหกรรม AI ด้วยการส่งมอบแพลตฟอร์ม IAP แพลตฟอร์มแรกและหนึ่งเดียวให้แก่บริษัทที่มองการณ์ไกลในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ปัจจุบัน เราเดินหน้าท้าทายคู่แข่งที่เป็นบริษัทใหญ่และทำธุรกิจมานานกว่าเรามาก ตลอดปี 2562 เราได้ขยายธุรกิจในตลาดสำคัญ ๆ ทั่วโลก รวมถึงยกระดับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ เดินหน้าส่งเสริมวัฒนธรรมความร่วมมือและการอยู่ร่วมกัน และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุด ความเคลื่อนไหวของเราล้วนได้รับแรงขับเคลื่อนจากพันธกิจในการแสดงพลังของ AI พร้อมส่งมอบคุณค่าแก่ลูกค้าและพนักงานของ AntWorks ให้ได้มากที่สุด ผมภูมิใจอย่างยิ่งกับความสำเร็จของพวกเราทุกคนที่ AntWorks"
ขยายธุรกิจทั่วโลกและจัดจ้างบุคลากรมากความสามารถ
เพื่อรองรับฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง AntWorks ได้ขยายธุรกิจทั่วโลกตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา ทั้งในออสเตรเลีย แคนาดา ดูไบ ฝรั่งเศส อินเดีย (บังคาลอร์ เจนไน มุมไบ) ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน AntWorks มีบุคลากรมากกว่า 500 คน เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าเมื่อเทียบกับปี 2561 และเต็มไปด้วยบุคลากรมากความสามารถในภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อการเติบโตเชิงยุทธศาสตร์ นอกจากนี้ AntWorks ยังขยายช่องทางออนไลน์ โดยมีผู้ติดตามกว่า 40,000 คนทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์
ในเดือนพฤษภาคม AntWorks ได้เปิดตัว ANTstein SQUARE แพลตฟอร์ม IAP แพลตฟอร์มแรกของอุตสาหกรรม ที่ช่วยให้ใช้บอตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งยังเข้าใจข้อมูลทุกรูปแบบ พร้อมมอบโซลูชันครบวงจรสำหรับการสร้างและรวบรวมข้อมูล รวมถึงการใช้งานและบริหารจัดการ Digital Workforce เทคโนโลยี AI
ร่วมทุนและยกระดับความร่วมมือ
AntWorks ประสบความสำเร็จในการร่วมทุนกับ SBI Neo Financial Services เพื่อจัดตั้งบริษัท SBI Antworks Asia ในญี่ปุ่น ซึ่งทำหน้าที่ส่งมอบโซลูชันระบบอัตโนมัติอัจฉริยะป้อนตลาดเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมการใช้ AI ในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ทาง AntWorks ได้ประกาศความร่วมมือกับ SEED Group เมื่อไม่นานมานี้
รางวัลต่าง ๆ
- Asheesh Mehra ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ ได้รับรางวัล 2019 Innovator of the Year - Technology Award จากเวทีประกาศรางวัล Singapore Business Review Management Excellence Awards โดยรางวัลดังกล่าวมอบให้แก่นักนวัตกรรมผู้ริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ ที่สร้างคุณูปการและความสำเร็จให้แก่ธุรกิจของตนเอง
- AntWorks คว้ารางวัล Frost & Sullivan's Technology Innovation Award ในสาขาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ โดยผู้มอบรางวัลให้เหตุผลว่า ซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะของ AntWorks สามารถประมวลผลข้อมูลจากเอกสารต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว และรู้สึกประทับใจที่ AntWorks ใช้ Cognitive Machine Reading ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลแบบไร้โครงสร้าง โดยแพลตฟอร์ม ANTstein สามารถใช้ข้อมูลเพียงน้อยนิดในการฝึกเครื่องให้วิเคราะห์ และแม้แต่ผู้ที่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางเทคนิคก็สามารถใช้แพลตฟอร์มของ AntWorks ในการทำให้กระบวนการทางธุรกิจเป็นอัตโนมัติตั้งแต่ต้นจนจบ
- AntWorks คว้ารางวัล 451 Research - Firestarter Award จากวิสัยทัศน์และนวัตกรรมอันเหนือชั้น โดยผู้มอบรางวัลมองว่าแพลตฟอร์มของ AntWorks โดดเด่นแตกต่างจากโซลูชันของซัพพลายเออร์รายอื่น ๆ และระบุว่าแพลตฟอร์ม ANTstein สามารถแก้ปัญหาได้ครอบคลุมกว่าโซลูชันของซัพพลายเออร์รายอื่น ๆ ด้วยวิธีการทำงานที่แตกต่าง
- AntWorks และ Indecomm Global Services ซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัท เข้ารอบสุดท้ายของการประกาศรางวัล The Hackett Group Digital Awards จากการกำหนดนิยามใหม่ในการประมวลผลข้อมูลการจำนอง
- AntWorks คว้ารางวัล L&D World Awards จาก Adobe ในสาขา Best Use of Technology in Learning
การยอมรับจากอุตสาหกรรม
- AntWorks ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มผู้นำใน NelsonHall's Intelligent Automation Platforms NEAT Research โดยมีการยกย่องเทคโนโลยีของ AntWorks ว่า "ล้ำสมัย" และเป็น "ผู้แข่งขันที่น่าจับตา" ในด้าน Cognitive Automation
- Everest Group จัดอันดับให้ AntWorks เป็นผู้นำใน Intelligent Document Processing (IDP) PEAK Matrix และเป็น Major Contender and Star Performer ใน RPA Products PEAK Matrix
- IDC [1] และ Ovum ชื่นชมในความแตกต่างของ AntWorks โดยเฉพาะวิธีการทำงานที่มีข้อมูลเป็นศูนย์กลาง ซึ่งช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ได้ประโยชน์จากระบบอัตโนมัติครบวงจร
- Avasant's Intelligent Automation Tools RadarView จัดอันดับให้ AntWorks อยู่ในกลุ่มนักนวัตกรรม จากการพัฒนาระบบอัตโนมัติอัจฉริยะโดยมีข้อมูลเป็นศูนย์กลาง
- AntWorks ติดอันดับ Constellation ShortList™ สาขาแพลตฟอร์ม RPA เป็นครั้งที่สามติดต่อกัน
- AntWorks ได้รับคะแนนรวม 4.7 จากเต็ม 5 คะแนน สำหรับซอฟต์แวร์ระบบประมวลผลอัตโนมัติโดยหุ่นยนต์ หรือ Robotic Process Automation (RPA) จากการให้คะแนน 36 ครั้งโดยผู้ซื้อ บนเว็บไซต์ Gartner's Peer Insights[2] ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2562
Phil Fersht ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ HFS Research กล่าวถึงความสำเร็จของ AntWorks ในปี 2562 ว่า "AntWorks นำเสนอระบบอัตโนมัติอัจฉริยะครบวงจร ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ เข้าถึงโซลูชันทั้งหมดของบริษัท หากระดมทุนครั้งใหญ่อีกสักรอบ บริษัทจะทรงอิทธิพลอย่างแท้จริงแน่นอน"
อ้างอิง |
[1] IDC Market Note: AntWorks Bringing Cognitive Machine Reading to the Intelligent Automation Party, Pushkaraksh Shanbhag, Mar 2019 Doc #AP44907219 |
[2] Gartner Peer Insights reviews constitute the subjective opinions of individual end users based on their own experiences, and do not represent the views of Gartner or its affiliates. |
เกี่ยวกับ AntWorks
AntWorks™ คือผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ที่สร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ด้วยข้อมูลผ่านทางระบบอัตโนมัติ ระบบดิจิทัล และระบบอัจฉริยะสำหรับองค์กร บริษัทเป็นเจ้าของ ANTstein™ SQUARE แพลตฟอร์มระบบอัตโนมัติแบบผสมผสาน หรือ Integrated Automation Platform (IAP) แพลตฟอร์มแรกและหนึ่งเดียวในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์แฟร็กทัลและมีความสามารถในการจดจำรูปแบบที่เข้าใจข้อมูลทุกรูปแบบ จึงสามารถแปลงข้อมูลทุกอย่างให้อยู่ในรูปของข้อมูลดิจิทัลเพื่อรองรับความต้องการของหลากหลายอุตสาหกรรม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.ant.works เพื่อเพิ่มพลังให้กับองค์กรของคุณด้วยการทำให้กระบวนการทางธุรกิจอันซับซ้อนเป็นอัตโนมัติตั้งแต่ต้นจนจบ
โลโก้ - https://photos.prnasia.com/prnh/20190814/2551620-1LOGO
SOURCE AntWorks


Pertamina
จาการ์ตา, อินโดนีเซีย--4 ธ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
การประชุมด้านพลังงานรายการใหญ่ที่สุดของปีอย่างงาน Pertamina Energy Forum 2019 (PEF 2019) ได้ปิดฉากลงเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังเปิดเวทีอภิปรายเชิงลึกหลากหลายหัวข้อโดยมีบุคคลาในอุตสาหกรรมมาร่วมงานจำนวนมาก
PT Pertamina (Persero) ย้ำในที่ประชุม PEF ประจำปีนี้ว่า บริษัทจะเดินหน้าปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวเป็นผู้คว้าชัยในอนาคต
สำหรับการประชุม PEF 2019 ได้ถูกจัดขึ้นภายใต้ธีม "Driving Factors: What Will Shape the Future of Energy Business" โดยมุ่งหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลมาสู่พลังงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
"เราต้องการเปลี่ยนพลังงานฟอสซิลให้กลายมาเป็นพลังงานสะอาด ในขณะเดียวกันก็ปฎิบัติการตามข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศ พร้อมมุ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการบรรเทาความยากจนผ่านพลังงานที่มีราคาเอื้อมถึง" Nicke Widyawati ประธาน บริษัท PT Pertamina (Persero) กล่าว
ด้วยเหตุนี้ Pertamina จึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างน้อย 5 ภารกิจ ไม่ว่าจะเป็น การเตรียมพร้อมสำหรับการค้นพบและก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมัน ปรับปรุงการเชื่อมต่อ รับประกันประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี ตลอดจนการขยายความสามารถในการซื้อ และเปลี่ยนมาเป็นพลังงานหมุนเวียน Nicke ระบุ
ภายในงาน ผู้ร่วมอภิปรายที่มีชื่อเสียงต่างก็ย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่ฉุดไม่อยู่ของอุตสาหกรรมพลังงาน
"การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานกำลังเกิดขึ้นและไม่สามารถหยุดยั้งได้ ในขณะเดียวกันเชื้อเพลิงฟอสซิลก็กำลังเปลี่ยนมาเป็นพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด" Dharmawan H Samsu ผู้อำนวยการฝ่ายต้นน้ำของ Pertamina กล่าวในระหว่างพิธีปิดการประชุม
Dharmawan ระบุว่า Pertamina จะเดินหน้าปรับตัวสำหรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และบริษัทก็จะสานต่อการเจรจาที่เกี่ยวข้องร่วมกับรัฐบาลและผู้ถือหุ้นทั้งหมด
"Pertamina จะเดินหน้าปรับตัวเข้าสู่การพัฒนาใหม่เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้ชนะในอนาคต" เขากล่าว
Dharmawan เสริมว่า Pertamina มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการก้าวขึ้นเป็นบริษัทด้านพลังงานระดับโลกที่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามที่รัฐบาลระบุไว้และติดทำเนียบองค์กร Fortune Global 500 ภายในปี 2569
PEF 2019 เป็นงานประชุมด้านพลังงานที่ผู้คนรอคอยมากที่สุด โดยมีผู้แทนจากองค์ต่าง ๆ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานกว่า 750 คน มาร่วมอภิปรายหารือในหัวข้อหลักๆ 5 หัวข้อ ตั้งแต่เรื่องของแนวโน้มของตลาด นโยบาย ไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานใหม่และพลังงานทดแทน ตลอดระยะเวลา 2 ของการจัดงาน
สำหรับวันแรก หัวข้ออภิปรายในหัวข้อแรกได้พาไปสำรวจประเด็น "Global Trend: What is Driving the Energy Revolution?" ขณะที่หัวข้อการอภิปรายที่ 2 กล่าวถึง "Road towards Green Energy" และจบด้วยหัวข้อการอภิปรายที่ 3 ซึ่งครอบคลุม "Technological Advancement & Digitalization"
ส่วนในวันที่สอง การอภิปรายหัวข้อที่ 4 ของงานประชุม PEF 2019 ได้เน้นไปที่ "Market Trend & Consumer Behavior" ก่อนจะปิดฉากลงด้วยหัวข้อการอภิปรายสุดท้ายอย่าง "Strategy for Energy Transition"
SOURCE PT Pertamina (Persero)


ตัวเลขผู้ศัลยกรรมความงามโดยการผ่าตัดและไม่ผ่าตัดเพิ่มขึ้น 5.4% ในปี 2561
ฮันโนเวอร์, นิวแฮมป์เชียร์--4 ธ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery: ISAPS) เปิดเผยผลการสำรวจประจำปีในด้านการเสริมความงามในยุคปัจจุบัน ซึ่งระบุว่า ตัวเลขของผู้เสริมความงามในปี 2561 เพิ่มขึ้นถึง 5.4%
สถิติน่าสนใจจากผลการสำรวจทั่วโลกในปี 2561
การรักษาโดยไม่ผ่าตัด อาทิ การฉีดฟิลเลอร์ ปรับตัวขึ้น 10.4% ซึ่งมากกว่าการศัลยกรรมโดยใช้วิธีผ่าตัดที่ลดลง 0.6%
การเสริมหน้าอกโดยใช้ถุงเต้านมเทียมได้รับความนิยมจนติดอันดับแรกในกลุ่มการศัลยกรรมที่มีผู้ทำมากที่สุด โดยปรับตัวขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และทะยานขึ้น 27.6% เมื่อเทียบกับปี 2557
ส่วนการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมโดยมีส่วนเพิ่มมากที่สุด คือการผ่าตัดดูดไขมันและการผ่าตัดยกกระชับหน้าท้อง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 9% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า
การฉีดโบท็อกซ์ปรับตัวขึ้นจากปี 2560 ถึง 17.4% ตามมาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ด้วยกรดไฮยาลูโรนิคซึ่งเพิ่มขึ้น 11.6%
10 ประเทศที่มีการศัลยกรรมความงามสูงสุด
สองประเทศแรก (สหรัฐอเมริกาและบราซิล) มีสัดส่วนการศัลยกรรมความงามคิดเป็น 28.4% ของการทำศัลยกรรมทั่วโลก ตามมาด้วยอีก 8 ประเทศที่เหลือ (เม็กซิโก เยอรมนี อินเดีย อิตาลี อาร์เจนตินา โคลอมเบีย ออสเตรเลีย และไทย) โดยบราซิลแซงขึ้นครองแชมป์ประเทศที่มีการศัลยกรรมความงามสูงที่สุดในโลก ขณะที่สหรัฐครองแชมป์ชาติที่มีการศัลยกรรมโดยไม่ผ่าตัดมากที่สุดในโลก
ประเทศ | จำนวนการศัลยกรรมโดยใช้การผ่าตัด | จำนวนการศัลยกรรมโดยไม่ใช้การผ่าตัด | จำนวนการศัลยกรรมทั้งหมด | เปอร์เซ็นต์การทำศัลยกรรมเทียบกับทั้งโลก |
สหรัฐอเมริกา | 1,492,383 | 2,869,485 | 4,361,867 | 18.7% |
บราซิล | 1,498,327 | 769,078 | 2,267,405 | 9.7% |
เม็กซิโก | 518,046 | 525,200 | 1,043,247 | 4.5% |
เยอรมนี | 385,906 | 536,150 | 922,056 | 4.0% |
อินเดีย | 390,793 | 505,103 | 895,896 | 3.9% |
อิตาลี | 311,456 | 542,752 | 854,208 | 3.7% |
อาร์เจนตินา | 280,555 | 328,405 | 608,960 | 2.6% |
โคลอมเบีย | 273,316 | 135,473 | 408,789 | 1.8% |
ออสเตรเลีย | 102,404 | 100,238 | 202,642 | 0.9% |
ไทย | 105,105 | 35,018 | 140,123 | 0.6% |
ความแตกต่างทางเพศ
ผู้หญิงยังคงมีสัดส่วนการศัลยกรรมมากกว่าผู้ชาย คิดเป็นสัดส่วน 87.4% หรือ 20,330,465 ครั้ง ส่วนการศัลยกรรมของผู้ชายมีสัดส่วน 12.6% ในปี 2561 หรือ 2,935,909 ครั้ง
การศัลยกรรมแบบผ่าตัดยอดนิยมในกลุ่มผู้หญิงคือการศัลยกรรมหน้าอก โดยมีการศัลยกรรมมากถึง 1,841,098 ครั้ง ส่วนการศัลยกรรมโดยไม่ใช้การผ่าตัดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการฉีดโบท็อกซ์ที่ 5,344,764 ครั้ง สำหรับการศัลยกรรมแบบผ่าตัดยอดนิยมในกลุ่มผู้ชายคือการผ่าตัดเต้านม 269,720 ครั้ง ส่วนการศัลยกรรมโดยไม่ใช้การผ่าตัดยอดนิยมของกลุ่มผู้ชายคือการฉีดโบท็อกซ์ที่ 752,752 ครั้ง
ดร. เดิร์ก ริชเตอร์ ประธานของ ISAPS กล่าวว่า "นับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้เห็นตลาดศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยการรักษาต่าง ๆ มีแผลผ่าตัดน้อยลงมาก ตามตัวเลขที่แสดงในผลการสำรวจนี้"
อย่างไรก็ตาม ดร.ริชเตอร์ได้กล่าวเตือนถึงการฉีดฟิลเลอร์โดยพนักงานในสถาบันเสริมความงามที่ไม่ใช่แพทย์ หรืออาจเป็นแพทย์ที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะ หลังพบภาวะแทรกซ้อนมากขึ้นทั่วโลก
"แม้การศัลยกรรมหน้าอกมักจะเป็นประเด็นที่สื่อนำมาตีข่าวอยู่เรื่อย ๆ แต่สิ่งนี้ก็ยังเป็นการทำศัลยกรรมที่เติบโตดีที่สุดในโลก อีกทั้งคนไข้ยังตระหนักถึงคุณประโยชน์มากมาย เราคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะทำสถิติอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งจะพิสูจน์ให้เห็นว่าคนไข้กำลังได้ประโยชน์จากนวัตกรรมล่าสุดในการศัลยกรรมความงาม เพื่อให้ตัวเองสวยขึ้นและรู้สึกดีขึ้น" ดร.ริชเตอร์กล่าว
ระเบียบวิธีการสำรวจ
ข้อมูลการสำรวจจากทั่วโลกได้รับการเรียบเรียงหลังจากที่ได้สอบถามศัลยแพทย์พลาสติกราว 35,000 คนในฐานข้อมูลของ ISAPS โดยแบบสอบถามดังกล่าวได้เน้นไปที่จำนวนการทำศัลยกรรมทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดในปี 2561 รวมถึงคำถามที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ โดยผลลัพธ์ดังกล่าวได้รับการรวบรวม เรียบเรียง และวิเคราะห์โดย Industry Insights บริษัทวิจัยอิสระในเมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ
ISAPS เป็นเพียงองค์กรเดียวที่รวบรวมข้อมูลด้านความงามดังกล่าวในระดับโลกเป็นประจำทุกปี สามารถรับชมสำเนาของผลการสำรวจฉบับเต็มได้ที่ www.ISAPS.org
เกี่ยวกับ ISAPS – สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (ISAPS) เป็นสมาคมสากลชั้นนำของศัลยแพทย์ด้านความงามที่ได้รับใบรับรอง ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2513 โดย ISAPS ได้เปิดเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านศัลยกรรมพลาสติกเพื่อความงามในระดับโลก นอกจากนี้ ทางสมาคมยังได้มอบการฝึกอบรมและการศึกษาต่อเนื่องที่ทันสมัยให้กับสมาชิก พร้อมสนับสนุนและให้การรับรองการประชุมทางวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่องทั่วโลก ในปัจจุบัน สมาชิกของ ISAPS ประกอบด้วยศัลยแพทย์เพื่อความงามและการรักษาความบกพร่องที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลกจากกว่า 100 ประเทศ
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1038963/ISAPS_Logo.jpg
SOURCE International Society of Aesthetic Plastic Surgery (ISAPS)


" " & Black Desert
โซล, เกาหลีใต้--4 ธันวาคม 2562--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
การอัพเดท "สืบทอดพลัง" ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วใน Black Desert เซิร์ฟเวอร์ไทย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การสืบทอดพลังจะเพิ่มมิติใหม่แห่งการเล่นเกมของท่าน ซึ่งเหล่านักผจญภัยจะสามารถเพิ่มทักษะของตัวละครได้ด้วยการเลือกระหว่าง "สืบทอดพลัง" หรือ "ปลุกพลัง"
การอัพเดทสืบทอดพลัง ครั้งที่ 1 ของวอร์ริเออร์ & เรนเจอร์ จะทำให้นักผจญภัยได้เปิดประสบการณ์ใหม่ในการเสริมความแข็งแกร่งของตัวละครทั้ง 2 จากการแสวงหา "จิตวิญญาณของวอร์ริเออร์" และ "ขนนกเลโมเรีย" ที่จะทำให้พวกเขาเรียนรู้ทักษะสืบทอดพลังได้ ตัวละครที่ถูกเลือกให้สืบทอดพลังจะสามารถเสริมประสิทธิภาพอาวุธหลักพร้อมได้รับทักษะใหม่โดยการใช้ดาบยาวและโล่สำหรับวอร์ริเออร์ และธนูยาวสำหรับเรนเจอร์ ซึ่งทักษะเหล่านี้จะสามารถใช้งานได้ตั้งแต่เลเวล 56 และต้องสำเร็จเควสท์ภูติดำทั้งหมด
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการอัพเดท "สืบทอดพลัง" ท่านสามารถเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษภายในเกมซึ่งจะดำเนินการจนถึงวันที่ 17 ธันวาคมนี้ อันได้แก่ กิจกรรมแบ่งปันค่าประสบการณ์ 50% ซึ่งได้รับจากการล่ามอนสเตอร์ไปยังตัวละครอื่นที่ท่านเลือกผ่านระบบแบ่งปันค่าประสบการณ์ อีกทั้งนักผจญภัยที่อัพเลเวลได้ระหว่างเลเวล 50 ถึง 60 สามารถรับรางวัลได้มากมาย เช่น คัมภีร์เพิ่มค่าประสบการณ์ต่อสู้, ตำราคำสั่งแห่งโชค (100 นาที), ทองแท่ง 100G และคำแนะนำของบาล์ค (35-45) ตามเลเวลที่ท่านทำได้
ในขณะเดียวกัน ฤดูหนาวก็ได้มาเยือน Black Desert เซิร์ฟเวอร์ไทย ตอนนี้ นักผจญภัยสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ในเกมที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว พร้อมกับฟังเพลงต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสซึ่งเพิ่มอรรถรสในการผจญภัยมากยิ่งขึ้น ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ ท่านยังสามารถรับรางวัลมากมายเพียงเชื่อมต่อเข้าเกมตลอดระยะเวลากิจกรรมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ กิจกรรมบริจาคซิลเวอร์จะยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ นักผจญภัยสามารถบริจาค 1 ล้านซิลเวอร์ เพื่อซื้อหลักฐานแห่งการแบ่งปันและนำไปแลกเป็นไอเทมได้มากมาย
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัพเดทได้ที่ th.playblackdesert.com
เกี่ยวกับ Black Desert
Black Desert เป็นเกมแนวแอคชั่น MMORPG ในรูปแบบ Open World ของบริษัท Pearl Abyss ที่มีภาพกราฟิกสวยงามและการต่อสู้ที่ง่ายต่อการควบคุม พร้อมระบบการปรับแต่งตัวละครที่สมจริงและละเอียดที่สุดในปัจจุบัน ผู้เล่นสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ๆ และสร้างตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้เล่นเองได้อย่างสร้างสรรค์ไม่ซ้ำใคร เรื่องราวมากมายบนโลกเสมือนจริงที่ไร้รอยต่อของ Black Desert จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เล่นทุกท่านอย่างแน่นอน
บริษัท Pearl Abyss ได้พัฒนาเกม Black Desert ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้วกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ด้วย 12 ภาษา และมีผู้ลงทะเบียนเล่นเกมแล้ว กว่า 11 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมี Black Desert เวอร์ชั่นมือถือและคอนโซลในรูปแบบ PS4 ที่มีกำหนดเปิดตัวในปี 2019 อีกด้วย
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการ : https://www.th.playblackdesert.com/
ตรวจสอบรายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับความต้องการของระบบสำหรับ Black Desert ได้ ที่นี่
Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20191203/2659275-1
SOURCE Pearl Abyss


วินนิเพ็ก, แมนิโทบา—3 ธ.ค.—พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
โรงกษาปณ์แคนาดา สาขาวินนิเพ็ก ได้รังสรรค์เหรียญสะสมรุ่นใหม่ผลิตขึ้นจากทองคำและเงินแท้ โดยนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้เปิดทำการเมื่อ 43 ปีที่ผ่านมา เหรียญสะสมรุ่นพิเศษเหล่านี้เป็นผลลัพธ์จากการผนวกรวมความเชี่ยวชาญระหว่างพนักงานสาขาวินนิเพ็กกับออตตาวา ที่ได้ผนึกกำลังกันในการสร้างผลงานที่ "ผลิตขึ้นในรัฐแมนิโทบา" เพื่อเชิดชูเหรียญกษาปณ์ใบเมเปิ้ลอันเลื่องชื่อระดับโลกของโรงกษาปณ์แคนาดา
ผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของเหรียญเงินเกรดดีราคาหน้าเหรียญ 5 ดอลลาร์ประจำปี 2020 รุ่น Silver Maple Leaf และเหรียญทองคำแท้ราคาหน้าเหรียญ 50 ดอลลาร์ประจำปี 2020 รุ่น Gold Maple Leaf พร้อมสลักเครื่องหมาย 'W' ของสาขาวินนิเพ็กได้แล้ววันนี้ เหรียญด้านหนึ่งปรากฏให้เห็นลายใบชูการ์เมเปิล ผลงานการออกแบบของคุณวอลเตอร์ ออตต์ ผิวเหรียญมีการขัดด้านที่ให้ความแมตต์แบบไม่ธรรมดา เหรียญรุ่นใหม่นี้ระบุเลขปี 2020 ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 10,000 ชิ้นสำหรับเหรียญเงิน และ 400 ชิ้นสำหรับเหรียญทองคำ
สำหรับเหรียญสะสมรุ่นอื่น ๆ ของโรงกษาปณ์แคนาดาส่งท้ายปีนี้ ประกอบด้วย:
- เหรียญเงินเกรดดีราคาหน้าเหรียญ 30 ดอลลาร์ประจำปี 2020 รุ่น Predator and Prey: Snowy Owl and Greater White-Fronted Geese จากตระกูล Golden Reflections ออกแบบโดยดับเบิลยู อัลลัน แฮนค็อก
- เหรียญเงินเกรดดีราคาหน้าเหรียญ 25 ดอลลาร์ประจำปี 2020 นูนสูงพิเศษรุ่น Multifaceted Animal Head: Lynx ออกแบบโดยทราเอียน จอร์เกสกู
- เหรียญเงินเกรดดีราคาหน้าเหรียญ 3 ดอลลาร์ประจำปี 2019 รุ่น Celebrating Canadian Fun and Festivities – Christmas Tree ออกแบบโดยสตีฟ เฮปเบิร์น และ
- เหรียญเงินเกรดดีราคาหน้าเหรียญ 5 ดอลลาร์ประจำปี 2020 รุ่น Birthstones: January ออกแบบโดยแพนดอรา ยัง
รับชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหรียญกษาปณ์ ราคา และเบื้องหน้าเบื้องหลังเหรียญแต่ละรุ่นได้ที่แท็บ "Shop" บนเว็บไซต์ www.mint.ca และรับชมรูปภาพของเหรียญกษาปณ์ทั้งหมดได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/eosnacumkyyj5h4/AAD4b6hTLKUaatz8VvJFr95pa?dl=0
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดสามารถสั่งซื้อได้โดยตรงจากโรงกษาปณ์ที่หมายเลข 1-800-267-1871 ในแคนาดา หมายเลขโทรศัพท์ 1-800-268-6468 ในสหรัฐอเมริกา หรือสั่งซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของทางโรงกษาปณ์ นอกจากนี้เหรียญกษาปณ์ยังมีวางจำหน่ายที่ร้านของโรงกษาปณ์แคนาดาในกรุงออตตาวาและเมืองวินนิเพ็ก เช่นเดียวกับเครือข่ายผู้ค้าปลีกและผู้ค้าส่งระดับโลก ซึ่งรวมถึงร้านค้าของไปรษณีย์แคนาดาที่ร่วมโครงการ
เกี่ยวกับโรงกษาปณ์แคนาดา (Royal Canadian Mint)
โรงกษาปณ์แคนาดาเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ (Crown Corporation) ที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องการผลิตเหรียญกษาปณ์และการจำหน่ายเหรียญหมุนเวียนของแคนาดา โรงกษาปณ์ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโรงกษาปณ์ขนาดใหญ่และมีความหลากหลายมากที่สุดในโลก โดยให้บริการผลิตภัณฑ์เหรียญหลายประเภทที่มีความเฉพาะเจาะจงและมีคุณภาพสูง รวมถึงบริการที่เกี่ยวข้องในระดับนานาชาติ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของโรงกษาปณ์แคนาดา กรุณาเข้าชม www.mint.ca ติดตามข่าวสารของโรงกษาปณ์แคนาดาได้ทางทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
อเล็กซ์ รีฟส์ (Alex Reeves), ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการสื่อสาร, โทร: (613) 884-6370, อีเมล: reeves@mint.ca
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1039202/Royal_Canadian_Mint_Logo.jpg
SOURCE Royal Canadian Mint


" "
โซล, เกาหลีใต้--4 ธ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
สำหรับนักเล่นสกีที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปที่ไหนในช่วงฤดูสกีนี้ "ลอตเต้ อาราอิ รีสอร์ท" ถือเป็นสวรรค์ของนักเล่นสกีในญี่ปุ่น
ลอตเต้ อาราอิ รีสอร์ท ที่ดำเนินการโดย LOTTE HOTELS & RESORTS เตรียมเปิดฤดูเล่นสกี 2019-2020 ในวันที่ 14 ธันวาคม 2019 นับตั้งแต่การเปิดตัวอย่างสมบูรณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2017 ณ เมืองเมียวโกะ ลอตเต้ อาราอิ รีสอร์ท ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน FIS Cup 2020 ของสหพันธ์กีฬาสกีสากล (FIS) รวมถึง Freeride World Qualifier (FWQ) และ Snowboard Masters (SBM) เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้ ลอตเต้ อาราอิ รีสอร์ท ยังติดอันดับ 1 ใน 4 สาขา จากรางวัล 2019 Ski Asia Awards รวมถึงรางวัล "Japan's Best Ski Resort" โดยช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา มีนักสกีมาเยือนรีสอร์ทกว่า 50,000 ราย ตอกย้ำให้เห็นว่านี่เป็นรีสอร์ทผจญภัยระดับชัั้นเลิศของเอเชีย
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางระหว่างโรงแรมกับลานสกีได้อย่างง่ายดาย ด้วยลักษณะของรีสอร์ทแบบ Ski-In และ Ski-Out รีสอร์ทมีลานสกีกว่า 6 ตารางไมล์ และลานสกีที่ยาวที่สุดมีความยาว 3.2 ไมล์ โดยทางรีสอร์ทออกแบบคอร์สสกีทั้งสิ้น 15 คอร์ส เพื่อมอบระดับความยากที่แตกต่างกัน ทำให้ผู้เริ่มเล่นและนักเล่นสกีมืออาชีพสามารถเพลิดเพลินไปกับการเล่นสกีได้ รีสอร์ทแห่งนี้เป็นสถานที่ชั้นเลิศสำหรับการเล่นสกีแบบแบ็กคันทรี เนื่องจาก 80% ของภูเขาปกคลุมด้วยหิมะที่ไม่มีการอัดตัว นอกจากนี้ ทางรีสอร์ทดำเนินกิจการโรงเรียน English Snowsports School ซึ่งแขกผู้เข้าพักสามารถเข้าเรียนกับอดีตสมาชิกจากทีมสกีแห่งชาติของออสเตรเลีย โดยโรงเรียนยังได้รับการยอมรับด้านความเป็นเลิศเมื่อ Ski Asia ยกให้เป็น "โรงเรียนสอนกีฬาหิมะที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น" ด้วย
บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งโฮชิโซระของรีสอร์ท มอบสวรรค์แห่งการพักผ่อนสุดเงียบสงบ และมีต้นกำเนิดมาจากน้ำพุใต้ดินลึก 5,740 ฟุต อีกทั้ง SPA MANNA สิ่งอำนวยความสะดวกแห่งใหม่ที่พร้อมเปิดบริการในฤดูกาลนี้ จะมีโปรแกรมที่ครอบคลุมทั้งการอาบน้ำในป่า โยคะ พิลาเต้ และพลังการบำบัดจากภูมิทัศน์ธรรมชาติโดยรอบ ตลอดจนเพลิดเพลินกับสปา สระว่ายน้ำ และร้านอาหารและเครื่องดื่ม 12 แห่ง
เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดฤดูกาลสกีครั้งที่ 3 ลอตเต้ อาราอิ รีสอร์ท ขอนำเสนอแพ็กเกจสุดพิเศษอย่าง Ski Mania ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2019 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2020 ที่ประกอบด้วยการเข้าพักหนึ่งคืน ตั๋วใช้สกีลิฟท์สำหรับผู้ใหญ่ประเภท 1 วัน และสิทธิเข้าใช้บ่อน้ำพุร้อนโฮชิโซระฟรี ในราคาคนละ 24,000 เยน (บวกภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งลดลงถึง 20% เมื่อเทียบกับการซื้อตั๋วแยก
* สอบถามข้อมูลและสำรองห้องพักลอตเต้ อาราอิ รีสอร์ท ได้ที่ (www.lottehotel.com/arai-resort/en.html)
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191129/2656960-1
SOURCE LOTTE HOTELS & RESORTS


Xinhua Silk Road: - 1
เมืองกุ้ยหยาง ประเทศจีน, 3 ธ.ค. 2562 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- การแข่งขันแรลลี่จีน-ไทย หรือ China-Thailand Rally Racing (CTRR) ครั้งที่ 1 เปิดฉากขึ้นที่เมืองซิงอี้ เมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติปู้อีและแม้วเฉียนซีหนาน ในมณฑลกุ้ยโจว ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ขบวนรถยนต์มากกว่า 50 ทีมจากกว่า 20 มณฑลและเมืองทั่วประเทศจีน เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากเมืองซิงอี้ ผ่านด่านบ่อหานของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาในมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และผ่านสปป.ลาวในวันที่ 3 ธันวาคม จากนั้นจะเดินทางต่อจากเขตภูเขาในภาคเหนือของประเทศไทยไปยังเมืองชายฝั่งทางภาคใต้ รวมเป็นเส้นทางประมาณ 3,000 กิโลเมตร และใช้เวลาทั้งสิ้น 14 วัน
Tian Tao นายกเทศมนตรีเมืองซิงอี้ กล่าวในพิธีปล่อยขบวนรถแรลลี่ CTRR ครั้งที่ 1 ว่า การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นที่นี่ เพราะซิงอี้มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขา เหมาะสำหรับกีฬากลางแจ้งเป็นอย่างมาก ซึ่งรวมถึงการแข่งขันแรลลี่ข้ามประเทศที่เปี่ยมไปด้วยอิสระเสรีและความท้าทาย นอกจากนี้ การเปิดตัวการแข่งขันที่เมืองซิงอี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภูเขาและกีฬากลางแจ้งอีกด้วย
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันว่า เขตปกครองตนเองชนชาติปู้อีและแม้วเฉียนซีหนานให้ความสำคัญกับกีฬากลางแจ้งในฐานะที่เป็นแรงขับเคลื่อนการปฏิรูปอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภูเขา โดยอาศัยความได้เปรียบจากทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมชนชาติพันธุ์ที่มีสีสัน
ด้วยเหตุนี้ การพัฒนากีฬาและกิจกรรมนันทนาการกลางแจ้ง อาทิ การปั่นจักรยาน ปีนผา เดินเขา การตั้งแคมป์ และการเล่นบอลลูน จึงได้รับการส่งเสริมในเขตปกครองตนเองแห่งนี้
จากความอุดมสมบูรณ์และคุณภาพของทรัพยากรการท่องเที่ยวภูเขา ทำให้มณฑลกุ้ยโจวเร่งส่งเสริมการพัฒนาเขตสาธิตการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งชาติ โดย CTRR ถือเป็นแนวทางใหม่ในการสำรวจการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภูเขาและกีฬากลางแจ้ง ซึ่ง Shi Jingyi เจ้าหน้าที่ของกรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งมณฑลกุ้ยโจว เชื่อว่าการแข่งขันรายการนี้จะส่งเสริมการบูรณาการวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวได้อย่างแน่นอน
Zhang Dai ประธานของ Fblife.com จากนครปักกิ่ง กล่าวว่า การแข่งขัน CTRR ครั้งที่ 1 ได้เปิดบทใหม่แห่งการพัฒนากีฬาแรลลีข้ามประเทศในกุ้ยโจว พร้อมแสดงความหวังว่า การแข่งขันแรลลี่ข้ามประเทศจะขยายออกไปยังอาเซียน แอฟริกา และยุโรป
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในปี 2561 กุ้ยโจวได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 969 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้นกว่า 9.40 แสนล้านหยวน คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 11.3% ของ GDP ของมณฑล
และคาดว่าในปี 2562 นี้ รายได้จากการท่องเที่ยวของกุ้ยโจวและจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนกุ้ยโจว จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 30%
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่: https://en.imsilkroad.com/p/309698.html
SOURCE Xinhua Silk Road Information Service
